เปิดตัวในเมืองไทย พร้อมรับจองแล้ววันนี้ สำหรับ Tesla Model 3 และ Model Y พร้อมส่งมอบได้ราว 1,500 คัน ในแต่ละรุ่น ในไตรมาสแรกของปี 2023 เป็นต้นไป โดยจะเป็นรถที่มีการนำเข้ามาจำหน่ายจากประเทศจีน
ทุกรุ่นมาพร้อมหน้าจอสัมผัสตรงกลาง 15 นิ้ว ที่มีการอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ over-the-air รวมถึงแอปพลิเคชัน Tesla และ Autopilot อันเป็นเอกลักษณ์ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติต่าง ๆ ดังนี้:
-เพลิดเพลินไปกับระบบความบันเทิงส่วนตัว อย่าง YouTube Netflix และเกมอาร์เคด ในขณะที่อยู่ในรถ Tesla ได้อย่างสะดวกสบาย โดยปราศจากการปล่อยก๊าซ CO2
-เข้าถึง Tesla ของคุณ ผ่านแอปพลิเคชัน Tesla บนมือถือ เพื่อควบคุมการชาร์จ อุณหภูมิ และการรับรองความปลอดภัย ด้วยโหมด Sentry ทุกที่ทุกเวลา
-คุณสมบัติของ Tesla Autopilot ได้รับการออกแบบมา เพื่อช่วยเหลือผู้ขับขี่ ในส่วนที่เป็นความยุ่งยากมากที่สุดในการขับขี่ และจะช่วยแนะนำคุณคุณสมบัติใหม่และช่วยปรับปรุงการทำงานของระบบที่มีอยู่ เพื่อให้ Tesla ของคุณ ปลอดภัยและมีศักยภาพมากขึ้น ผู้ขับขี่ยังสามารถอัปเกรดระบบ เป็น Autopilot แบบยกระดับ (EAP) หรือความสามารถในการขับอัตโนมัติเต็มรูปแบบ (FSD) เพื่อการใช้งานขั้นสูงเพิ่มเติม เช่น การนำทางบน Autopilot (NoA) และ ระบบจอดรถอัตโนมัติ เป็นต้น
ท้งสองรุ่นได้รับคะแนนความปลอดภัยระดับ 5 ดาวในทุกประเภทและหมวดหมู่ย่อย
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของ Tesla พร้อมมอเตอร์ที่แยกจากกันสองตัว ช่วยให้ระบบ redundancy ทำงานที่ดียิ่งขึ้น โดยแต่ละตัวจะมีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวเพียงชิ้นเดียวเพื่อความง่ายต่อการบำรุงรักษาและความทนทานสูงสุด ซึ่งแตกต่างจากระบบขับเคลื่อนทุกล้อแบบทั่วไปตรงที่ระบบจะสามารถควบคุมแรงบิดไปยังล้อหน้าและล้อหลังแบบดิจิทัล เพื่อการควบคุมและการยึดเกาะถนนที่ดียิ่งกว่า
กล้องด้านหลัง ด้านข้าง และด้านหน้าแบบ 360° มอบทัศนวิสัยสูงสุด การประมวลผลภาพที่ทรงพลัง ที่มีระยะสูงสุดถึง 250 เมตร
แพ็คเกจ Home Charging ของ Tesla สำหรับการจัดส่งชุดแรกในไตรมาสที่ 1 เจ้าของรถสามารถซื้อแพ็คเกจ Home Charging แบบพรีเมียมที่มีจำนวนจำกัดพร้อมกับ
●คอนเนคเตอร์ติดผนังรับประกัน 4 ปี
●ผู้ติดตั้งที่ได้รับการรับรองจาก Tesla พร้อมการเข้าประเมินพื้นที่
●สายเคเบิลยาวสูงสุด 40 ม. พร้อมท่อร้อยสาย EMT
●สีท่อร้อยสายที่กำหนดเองได้
●สีคอนเนคเตอร์ติดผนังที่กำหนดเองได้
●ป้ายโลโก้ TESLA แบบพิเศษ
โดยรุ่น Model 3 จะมีการทำตลาดใน 3 รุ่นย่อยได้แก่
รุ่น Rear Wheel Drive ในราคา 1,759,000 บาท
รุ่น Long Range AWD ในราคา 1,999,000 บาท
และรุ่น Performance AWD ในราคา 2,309,000 บาท
ทั้ง 3 รุ่นย่อย มาพร้อมการรับประกันตัวรถ 4 ปี หรือ 80,000 กม. การรับประกันแบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อน 8 ปี หรือ 160,000 กม. (สำหรับรุ่น Rear Wheel Drive) การรับประกันแบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อน 8 ปี หรือ 192,000 กม.(สำหรับรุ่นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ รุ่น Long Range และ Performance)
สำหรับรุ่น Rear Wheel Drive มาพร้อมขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ที่ติดตั้งอยู่บริเวณล้อคู่หลัง ให้กำลังสูงสุด 283 PS แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร มาพร้อมแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion Phosphate (LFP) ขนาดความจุ 57.5 kWh สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 6.1 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 225 กิโลเมตร/ชั่วโมง ระยะวิ่งสูงสุดต่อชาร์จ อยู่ที่ 559 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC
ส่วนรุ่น Long Range AWD จะมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวที่ล้อคู่หน้าและหลัง ให้กำลังสูงสุด 498 PS แรงบิดสูงสุด 493 นิวตันเมตร มาพร้อมแบตเตอรี่ แบบ Lithium-ion NMC ขนาดความจุ 75.0 kWh สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 4.4 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 233 กิโลเมตร/ชั่วโมง และระยะวิ่งสูงสุดต่อชาร์จ อยู่ที่ 681 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC
ในขณะที่รุ่น Performance AWD มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวที่ล้อคู่หน้าและหลัง ให้กำลังสูงสุด 513 PS แรงบิดสูงสุด 660 นิวตันเมตร มาพร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion NMC ขนาดความจุ 75.0 kWh สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 3.3 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 261 กิโลเมตร/ชั่วโมง ระยะวิ่งสูงสุดต่อชาร์จ อยู่ที่ 608 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC
ทั้ง 3 รุ่นย่อยจะมีมิติตัวถังเท่ากัน แต่ต่างกันในเรื่องของน้ำหนัก มีขนาดใกล้เคียงกับ BMW 3 Series โดยมีความยาว 4,694 มิลลิเมตร กว้าง 1,849 มิลลิเมตร สูง 1,443 มิลลิเมตร ระยะฐานล้ออยู่ที่ 2,875 มิลลิเมตร โดยน้ำหนักรุ่น Rear Wheel Drive อยู่ที่ 1,760 กิโลกรัม รุ่น Long Range AWD อยู่ที่ 1,844 กิโลกรัม และรุ่น Performance อยู่ที่ 1,844 กิโลกรัม
สำหรับสีตัวถังภายนอก Model 3 จะมีให้เลือกด้วยกัน 5 สีคือ สีขาว สีดำ สีแดง สีเทา และสีน้ำเงิน โดยมีการเพิ่มเงินในบางสี
สำหรับรุ่น Model Y มีราคาเพิ่มขึ้นจากรุ่น Model 3 อยู่ 200,000-260,000 บาท จะมีการทำตลาดใน 3 รุ่นย่อยเช่นกัน ได้แก่
รุ่น Rear Wheel Drive ในราคา 1,959,000 บาท
รุ่น Long Range AWD ในราคา 2,259,000 บาท
และรุ่น Performance AWD ในราคา 2,509,000 บาท
ทั้ง 3 รุ่นย่อย มาพร้อมการรับประกันเช่นเดียวกับรุ่น Model 3 คือรับประกันตัวรถ 4 ปี หรือ 80,000 กม. การรับประกันแบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อน 8 ปี หรือ 160,000 กม. (สำหรับรุ่น Rear Wheel Drive) การรับประกันแบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อน 8 ปี หรือ 192,000 กม.(สำหรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ รุ่น Long Range และ Performance)
สำหรับรุ่น Rear Wheel Drive มาพร้อมขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ที่ติดตั้งอยู่บริเวณล้อคู่หลัง ให้กำลังสูงสุด 347 PS แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร มาพร้อมแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion Phosphate (LFP) ขนาดความจุ 57.5 kWh เช่นเดียวกับ Model 3 แต่ต่างกันที่อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งทำได้ภายใน 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 217 กิโลเมตร/ชั่วโมง ระยะวิ่งสูงสุดต่อชาร์จ อยู่ที่ 610 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC
ส่วนรุ่น Long Range AWD จะมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวที่ล้อคู่หน้าและหลัง ให้กำลังสูงสุด 514 PS แรงบิดสูงสุด 493 นิวตันเมตร มาพร้อมแบตเตอรี่ แบบ Lithium-ion NMC ขนาดความจุ 75.0 kWh สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 5.0 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 217 กิโลเมตร/ชั่วโมง และระยะวิ่งสูงสุดต่อชาร์จ อยู่ที่ 623 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC
ในขณะที่รุ่น Performance AWD มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวที่ล้อคู่หน้าและหลัง ให้กำลังสูงสุด 534 PS แรงบิดสูงสุด 660 นิวตันเมตร มาพร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion NMC ขนาดความจุ 75.0 kWh สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 3.7 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง ระยะวิ่งสูงสุดต่อชาร์จ อยู่ที่ 582 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC
สำหรับมิติตัวถัง มีขนาดใหญ่กว่า Honda CR-V ในทุกมิติ คือยาว 4,751 มม. กว้าง 1,921 มม. สูง 1,624 มม. ระยะฐานล้อยาว 2,890 มม. โดยมี 5 สีภายนอกให้เลือกเช่นกันคือ สีขาว สีดำ สีเทา สีน้ำเงิน และสีแดง โดยมีการเพิ่มเงินในบางสี
รถรุ่น Model 3 และ Model Y จะถูกนำมาจัดแสดง ณ สยามพารากอน ที่บริเวณชั้น 1 บนพื้นที่ Fashion Hall Event Space ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2565 ผู้เข้าชมสามารถชมรถทั้งสองรุ่นด้วยตนเอง เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีและเทคนิคต่าง ๆ ข้อมูลจำเพาะ การสั่งซื้อบน Configuration ออนไลน์จะเปิดให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อ Model 3 และ Model Y แบบตั้งค่าเองได้ตั้งแต่บ่ายวันนี้
[yourchannel video=”cdgZ-xsThGw” autoplay=”1″ show_comments=”1″]