ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทย เติบโตอย่างรวดเร็ว ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่เซกเมนต์ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุดอย่างรถกระบะขนาดกลาง ยังไม่มีค่ายรถยนต์ใดลงมาแข่งขันในตลาดนี้ ที่ดูใกล้เคียงที่สุด ก็คือ Poer EV ที่ Great Wall MOTOR หรือ GWM นำเข้ามาอวดโฉมในงานแสดงยานยนต์ในเมืองไทย 2-3 ครั้ง แต่ก็ยังไม่มีวี่แววในการเปิดตัว ยิ่งมาเจอสถานการณ์การขาดแคลนชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ในช่วงนี้ ยิ่งทำให้โอกาสที่เราจะเห็นการเปิดตลาดใหม่ อาจจะช้าไปอีก เพราะรถที่ทำตลาดอยู่ อย่าง ORA Good Cat ก็ยังไม่สามารถส่งมอบได้ตามจำนวนการสั่งจอง อย่างไรก็ตาม ตลาดนี้กำลังจะเกิดขึ้น และถูกเริ่มต้นด้วยบริษัทของคนไทยอย่าง บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ หรือที่รู้จักกัน ในชื่อ EA ที่เตรียมส่งรถกระบะไฟฟ้า Mine เข้ามาเจาะตลาดกลุ่มผู้ใช้งานเชิงพาณิชย์ โดยมีแผนเปิดตัวในปลายปี 2022 นี้ โดยมีระยะทำการสูงสุด 200-280 กิโลเมตร/ชาร์จ ซึ่งใช้เวลาในการเติมประจุไฟฟ้าเพียง 15 นาที เพื่อให้ได้ความจุแบตเตอรี่ที่ราว 80% จาก 0% และให้เต็มความจุของแบตเตอรี่ขนาด 30 กิโลวัตต์ชั่วโมง ภายเวลาเพียง 1 ชั่วโมง ในราคาที่คาดว่าจะทำได้ต่ำกว่า 1 ล้านบาท
เมื่อ 2-3 ปีก่อน EA ได้เคยอวดโฉมรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น SPA1 ในงานแสดงยานยนต์ของไทยมาแล้ว แต่ก็เงียบหายไปหลังจากนั้น แต่ได้กลับมาสร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัวเรือโดยสารไฟฟ้า Smart ที่เปิดบริการแล้วในแม่น้ำเจ้าพระยา การหายไปของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นดังกล่าว ก็เพราะบริษัทไหวตัวทัน ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีน จะเข้ามาครองตลาด EV ในเมืองไทย ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า เทคโนโลยีที่เหนือกว่า และอีกหลายความได้เปรียบ จากภาษีนำเข้าที่เป็นศูนย์ จากการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี FTA ไทย-จีน ทำให้บริษัท หันมาพัฒนารถกระบะไฟฟ้าขนาด 1 ตันแทน และยังจะใช้แบรนด์ Mine ในการทำตลาดต่อไป โดยมีการเพิ่มการลงทุนอีก 400-500 ล้านบาท จากเดิม ที่ได้ลงทุนในส่วนของการผลิตไปแล้ว ราว 200 ล้านบาท เนื่องจากเป็นการพัฒนาต่อยอด มาจากแพลตฟอร์มของรถยนต์ไฟฟ้า SPA1
EA จะทำการผลิตรถกระบะไฟฟ้ารุ่นนี้ ที่โรงงานบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ด้วยกำลังการผลิต 5,000 คันต่อปั โดยจะเจาะกลุ่มลูกค้าองค์กร ที่เป็นเจ้าของกิจการขนส่งเป็นหลัก และตลาดอื่นๆเช่น Food Truck
การเตรียมทำตลาดรถกระบะไฟฟ้าในเมืองไทยก่อนเป็นรายแรก และเลือกตลาดเฉพาะกลุ่ม น่าจะช่วยให้ EA สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้ เพราะเป็นช่วงที่ค่ายรถยนต์ต่างๆ กำลังเผชิญปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ ทำให้ต้องใช้เวลาและทรัพยากรของบริษัทไปแก้ปัญหาดังกล่าวก่อน แต่แน่นอนว่า หากทุกอย่างเริ่มลงตัว และเซกเมนต์ใหม่นี้มีการเติบโตที่น่าสนใจ เชื่อว่า ค่ายรถยนต์อื่นๆ โดยเฉพาะค่ายจีน จะต้องลงมาแข่งขันในตลาดนี้อย่างแน่นอน และสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการนำเข้ามาจากประเทศจีน ก่อนที่จะเปิดสายการผลิตในเมืองไทยต่อไป บางทีตลาดนี้ อาจจะน่าสนใจสำหรับการเข้ามาชิมลาง สำหรับทั้ง MG และ GWM มากกว่าตลาดรถกระบะทั่วไป ก็เป็นไปได้ อย่างน้อยก็ในช่วงเริ่มต้น เพราะตลาดรถกระบะขนาดกลางของไทย มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง และคาดการณ์ได้ยาก ดังที่เห็นได้จากผลตอบรับ ของ MG Extender และ Mazda BT-50 โฉมใหม่
ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ
[yourchannel video=”s1aa9_QyB6c” autoplay=”1″ show_comments=”1″]