หลังจากที่วันก่อน เราได้นำเสนอข่าว เกี่ยวกับการหยุดจำหน่ายชั่วคราว Toyota Hilux รุ่นยอดนิยมในตลาดออสเตรเลีย อันเนื่องมาจากปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ ที่โรงงานในเมืองไทย ที่น่าจะส่งผลกระทบ กับการจำหน่าย Hilux Revo ทั่วโลก ไม่มากก็น้อย แต่ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เกิดขึ้นในเมืองไทย และเราได้พูดถึงโอกาสทองของ Isuzu ที่น่าจะใช้ช่วงเวลานี้ ในการกระตุ้นยอดขายในช่วงเวลาที่คู่แข่งสำคัญเพลี่ยงพล้ำ แต่ล่าสุด ดูเหมือนว่า Isuzu ก็ได้รับผลกระทบจากปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนบางอย่าง เช่นเดียวกันกับ Toyota จึงต้องนำชิ้นส่วนที่มีอยู่อย่างจำกัด ไปใช้ในรุ่นที่สำคัญกว่า จนนำมาสู่การแก้ปัญหา ที่นำจุดด้อยมาเป็นจุดเด่น ด้วยการเปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ ที่มีการตัดอ็อปชั่นบางอย่างออกไป และลดราคาจำหน่ายลงมา เพื่อที่จะรักษาระดับยอดขายรถยนต์ในภาพรวมเอาไว้ ซึ่งทั้ง D-MAX และ MU-X มีการเพิ่มรุ่นย่อยใหม่เข้าไป ทั้งสองรุ่น
สำหรับรุ่น D-MAX จะมีเพียงรุ่น Hi-Lander เท่านั้น ที่มีการเปลี่ยนแปลง ด้วยการเพิ่มรุ่นย่อย Smart เข้าไปในรุ่น M ทั้งรุ่นเครื่องยนต์ 1.9 และ 3.0 ลิตร ซึ่งเป็นการลดสเปคลงจากรุ่นย่อย M เกียร์อัตโนมัติ พร้อมลดราคาลงไป 10,000 บาท โดยอ็อปชั่นที่ถูกตัดออกไปได้แก่ ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง Blind Spot Monitoring และระบบช่วยเตือน ขณะถอยรถ Rear Cross Traffic Alert โดยราคาทั้ง 2 รุ่นย่อยใหม่ มีดังต่อไปนี้
D-Max Hi-Lander 1.9 Ddi M SMART A/T ราคา 1,030,000 บาท
D-Max Hi-Lander 3.0 Ddi M SMART A/T ราคา 1,054,000 บาท
สำหรับรุ่น MU-X ก็เป็นไปในลักษณะเดียวกัน โดยมีการเพิ่มรุ่น Smart เข้าไปในรุ่นย่อย Elegant โดยมีการตัดอ็อปชั่นออกไป เช่นเดียวกับรุ่น D-MAX และลดราคาลงไป 10,000 บาทเช่นกัน ซึ่งราคาทั้ง 2 รุ่นย่อยใหม่ มีดังต่อไปนี้
MU-X 4X2 1.9 Ddi ELEGANT SMART A/T ราคา 1,349,000 บาท
MU-X 4X2 3.0 Ddi ELEGANT SMART A/T ราคา 1,394,000 บาท
และนั่นทำให้มีรุ่นย่อยใหม่ เพิ่มเข้ามาในไลน์อัพของทั้ง D-MAX และ MU-X รวม 4 รุ่นด้วยกัน โดยรุ่นอื่นๆ ยังมีการจำหน่ายดังเดิม และยังไม่รับผลกระทบใดๆ ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ชาญฉลาด เพราะนอกจากจะสามารถรักษาจำนวนสต็อกรถยนต์รุ่นสำคัญเอาไว้ได้แล้ว ยังเป็นการสร้างตลาดใหม่ สำหรับคนที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้งานฟีเจอร์ทั้งสองอย่าง ในราคาที่ต่ำลงมา อย่างไรก็ตาม ในอนาคต เรายังไม่สามารถบอกได้ว่า การขาดแคลนชิ้นส่วนเหล่านี้ จะกินเวลายาวนานแค่ไหน และบริษัทจะสามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ ได้จนถึงเมื่อใด จะมีการเพิ่มรุ่นย่อย และลดสเปคในรุ่นอื่นๆ ตามมาอีกหรือไม่