หลังจากที่ประสบความสำเร็จเกินคาด ในการทำตลาด DFSK Glory 560 และ i-Auto อีวี ไพรมัส ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์จากค่ายตงฟง หรือ DFSK เมืองไทยแต่เพียงผู้เดียว ก็เปิดแถลงข่าวเตรียมทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ใหม่ 2 รุ่นด้วยกัน นั่นก็คือ Seres 3 และ Seres 5 โดย SERES 3 คาดว่าจะมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ราว 1 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ยังไม่มีการสนับสนุนจากรัฐบาล และสามารถส่งมอบรถ ในช่วงปลายปี 2022 นี้ได้ทันที ส่วนรถเอสยูวีสไตล์คูเป้ SERES 5 จะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านบาท มาพร้อม ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 54 กิโลวัตต์ชั่วโมง โดยมีเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร คอยสนับสนุน ทำให้สามารถขยายระยะทางวิ่งได้เป็น 1,000 กิโลเมตร
โดยล่าสุด ผู้บริหาร อีวี ไพรมัส ได้ให้สัมภาษณ์สื่อดังอย่างฐานเศรษฐกิจว่า บริษัทเตรียมเปิดตัว MINI EV ในเมืองไทย ภายในปีนี้ โดยมีราคาจำหน่ายในประเทศจีน ที่ราว 200,000 บาท ซึ่งหากนำเข้ามาทำตลาดในไทย คาดว่าราคาจำหน่าย จะอยู่ที่ 300,000 บาท โดย MINI EV รุ่นนี้ จะมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ให้กำลังสูงสุด 50 แรงม้า ความเร็วสูงสุดทำได้ อยู่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แบตเตอรี่เป็นแบบลิเธียมไอออน ขนาด 16 กิโลวัตต์ชั่วโมง ระยะทางวิ่งสูงสุด กว่า 200 กิโลเมตร/ชาร์จ แต่ผู้บริหารของบริษัท ไม่ได้ระบุว่า MINI EV ที่จะนำมาจำหน่าย เป็นแบรนด์ใด ซึ่งในปัจจุบัน MINI EV ต้นตำรับ และประสบความสำเร็จที่สุด ก็คือ Wuling Hongguang ที่สามารถจำหน่ายไปได้ มากกว่า 500,000 คัน จนถึงตอนนี้ กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ที่ขายดีที่สุดในประเทศจีน และยังได้ขยายไลน์อัพ ไปสู่เวอร์ชั่นเปิดประทุน ดังที่ได้เห็นในช่วงต้นของคลิป โดยในเมืองไทย มีบริษัทที่นำเข้ามาจำหน่ายแล้ว นั่นก็คือ บริษัท โนโมโน จำกัด ในราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่ราว 395,000 บาท พร้อมให้การรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 1.2 แสนกิโลเมตร แต่น่าเสียดาย รถที่ทำตลาดอยู่ในปัจจุบัน เป็นรุ่นพวงมาลัยซ้าย โดยมาพร้อมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ให้กำลังสูงสุด เพียง 17 แรงม้า วิ่งได้ไกลสูงสุดต่อชาร์จ ที่ราว 170 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด อยู่ที่ 105 กม./ชม.
อีก 2-3 ทางเลือกหลัก ที่เป็นไปได้ ซึ่งก็คือ Chery QQ Ice Cream, Baojun Kiwi และ Dongfeng Fengguang ซึ่งรายหลัง อีวี ไพรมัส ก็เป็นพันธมิตรทางธุรกิจอยู่แล้ว ด้วยการเป็นตัวแทนจำหน่าย DSFK Glory 560 และ i-Auto ตามที่ได้เกริ่นไปข้างต้น และการที่ยังเป็นรองในตลาดนี้ คาดว่าราคาจำหน่าย Dongfeng Fengguang ก็น่าจะต่ำกว่า Wuling Hongguang อยู่พอสมควร ทำให้เป็นไปได้ ที่ อีวี ไพรมัส จะทำราคาจำหน่ายราว 3 แสนบาท กับสเปคที่เหนือกว่าในเรื่องพละกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้า และระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ ที่ต้องลุ้นกันหนัก หากอีวีไพรมัส เลือกรถรุ่นนี้มาจำหน่าย ก็คือ MINI EV รุ่นนี้ จะเป็นรุ่นพวงมาลัยซ้ายหรือขวา
อย่างไรก็ตาม อีวี ไพรมัสเอง ก็วางตำแหน่งตัวเอง ว่าเป็นบริษัทที่จำหน่ายรถยนต์แบบ multi-brand หลากหลายยี่ห้อมาโดยตลอด ทำให้มีความเป็นไปได้ ที่บริษัทจะเลือกจับมือกับแบรนด์อื่นที่ไม่ใช่ Dongfeng
และเมื่อมองเห็นโฉมหน้าของ MINI EV ทั้ง 3 แบรนด์แล้ว เชื่อคนไทยหลายคนอาจจะนึกถึง Fomm One รถ MINI EV สัญชาติไทย ผสมญี่ปุ่น ที่ถือว่าเป็นแบรนด์แรกๆที่บุกเบิกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ด้วยราคาล่าสุุด ราว 5 แสนบาท เกือบ 2 เท่าของราคาของ MINI EV จีน และยังด้อยกว่าในเรื่องพละกำลัง ระยะทางวิ่งสูงสุด และความเร็วสูงสุด เรียกว่าถ้า MINI EV จีนแจ้งเกิด ก็เหมือนเป็นการแจ้งดับ Fomm One ไปแบบกลายๆ
การมาถึงของ MINI EV ราคา 3 แสนบาท อาจจะส่งผลในทางอ้อมกับคู่แข่งรายใหญ่ในตลาดอย่าง ORA Black Cat ที่ถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีการเปิดตัว ตามที่มีการคาดหมายกันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งแม้ว่า Black Cat ที่มีพละกำลังมากกว่า คือ 61 แรงม้า ระยะทางวิ่งต่อขาร์จสูงสุดมากกว่า ที่ 300-400 กิโลเมตร แต่ MINI EV พันธุ์ใหม่นี้ ก็น่าจะแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดมาได้บ้าง สำหรับคนที่งบน้อย และไม่จำเป็นที่จะต้องใช้รถเล็ก ที่มีสเปคสูงไปกว่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องดูว่า ราคาใหม่ของ ORA Black Cat ที่ได้เงินอุดหนุนจากรัฐบาลแล้ว จะจบที่เท่าไหร่ ซึ่งถ้ามีราคาไม่สูงมาก MINI EV ของ อีวี ไพรมัส ก็อยู่ยากในตลาดเมืองไทยเช่นกัน แต่ไม่ว่าใครจะทำได้ดีกว่าใคร ผลประโยชน์ย่อมตกอยู่กับลูกค้าชาวไทย จากการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้น และทางเลือกที่มีหลากหลายมากขึ้น