เปิดตัวบริษัทในไทยไปแล้ว อย่างเป็นทางการ สำหรับ Great Wall Motor ในชื่อนิติบุคคลว่า Haval Sales Thailand พร้อมเผยแผนการเปิดตัวรถยนต์ใหม่ในเมืองไทยถึง 9 รุ่น ภายในระยะเวลา 3 ปี โดยในปี 2021 เพียงปีเดียว Great Wall เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ถึง 4 รุ่นด้วยกัน โดยเป็นรถ suv 2 รุ่น รถยนต์ไฟฟ้าอีก 2 รุ่น ซึ่งในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ มีการเปิดเผยรุ่นที่จะทำตลาดก่อน 2 รุ่น คือ Haval H6 รถเอสยูวีรุ่นเรือธงของบริษัท และ ORA Good Cat รถยนต์ไฟฟ้าโฉมใหม่ล่าสุด
วันนี้ เราขอพามาทำความรู้จัก ORA Good Cat ให้มากขึ้น ก่อนที่จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้น หลังจากการเปิดตัว Haval H6 ไปแล้ว
ORA Good Cat เป็นรถยนต์สไตล์แฮทช์แบ็ค 5 ประตู ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า 100% ซึ่งถูกผลิตขึ้นที่โรงงานในเมืองไท่โจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน มาพร้อมที่ดีไซน์ที่ราวกับว่า เป็นการผสมผสานระหว่างรถยนต์จากค่าย PORSCHE เข้ากับ Volkswagen Beetle Fiat 500 และ Mini มีมิติตัวถัง ที่ใหญ่กว่าทั้ง Toyota Yaris, Mazda2 และ Mitsubishi Mirage ที่จำหน่ายในเมืองไทยในทุกมิติ คือมีความยาว 4235 มม กว้าง 1825 มม และสูง 1,596 มม ระยะฐานล้ออยู่ที่ 2,650 มม ซึ่งถือว่ายาวกว่าคู่แข่งทั้ง 3 รุ่นอีกเช่นกัน ทำให้ตอบโจทย์ ในเรื่องความกว้างขวางของห้องโดยสารภายใน ได้ดีที่สุดรุ่นหนึ่งในคลาส จะเป็นรองในเรื่องความยาว ก็เฉพาะ Honda City hatchback ที่ยาวกว่า 110 มม แต่ Good Cat ก็ยังกว้างกว่า สูงกว่า และมีระยะฐานล้อที่ยาวกว่า ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนรุ่นนี้ น่าจะยืน 1 ในเรื่องพื้นที่ใช้สอย ในบรรดารถยนต์ระดับเดียวกันก็ว่าได้
ส่วนที่ทำให้นึกถึงรถยนต์จากค่าย Porsche และ Volkswagen Beetle ก็คือดีไซน์ด้านหน้าของ ORA Good Cat ที่มาพร้อมไฟหน้ารูปวงกลม ซึ่งถูกวางบนฝากระโปรงด้านข้าง ที่โป่งนูนขึ้นมาเหมือนกัน ช่องดักอากาศบริเวณกันชนหน้า มีขนาดเล็ก แตกต่างจากรถยนต์ทั่วไปในปัจจุบัน ในขณะที่ทรวดทรงโดยรวม ดูคล้ายกับ Fiat 500 ส่วนของหลังคาและตัวถังภายนอก ที่เป็นสีทูโทน ทำให้นึกถึงรถหรูขนาดกะทัดรัด อย่าง Mini ซึ่งการใช้สีทูโทนในลักษณะนี้ ถูกนำไปใช้ตกแต่งห้องโดยสารภายในด้วยเช่นกัน ทำให้รถรุ่นนี้ มีแนวคิดในการออกแบบ ที่แตกต่างออกไป จากรถยนต์ทั่วไปในท้องตลาด การออกแบบด้านหลัง ดูเหมือนว่า จะบ่งบอกความเป็นเอกลักษณ์ของ Good Cat ด้วยการใช้ไฟท้าย พร้อมไฟเลี้ยว ที่เป็นเส้นยาว ฝังอยู่ในกระจกหน้าต่างด้านหลัง จากปกติทั่วไป ที่เรามักจะเห็นอยู่บริเวณด้านข้าง หรือติดกับประตูท้าย ทำให้บริเวณด้านมุม ทั้งซ้ายและขวาของตัวรถ ดูสะอาดตา และแตกต่างจากรถทั่วไปบนท้องถนน โดยมีไฟทับทิมแนวนอนสองข้าง อยู่ในระดับเดียวกันกับกันชนหลัง นอกจากนั้น ยังมีไฟอีกหนึ่งดวง ถูกติดตั้งอยู่บริเวณกึ่งกลางของกันชนหลัง ส่วนล้ออัลลอยเป็นแบบ 5 ก้าน
ดีไซน์ของห้องโดยสารภายใน เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ และจุดขายของ Good Cat โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย ที่เป็นสุภาพสตรี ด้วยการออกแบบที่ดูพรีเมี่ยม สดใส และเรียบง่ายสะอาดตา ด้วยการใช้สีทูโทน ที่ล้อมาจากสีตัวถังภายนอก ดังเห็นได้จากคอนโซลหน้า พวงมาลัย เบาะนั่ง รวมไปถึงแผงข้างประตู ทำให้ห้องโดยสาร ดูหรูหราและแตกต่าง ซึ่งพบได้น้อย ในรถยนต์รุ่นเริ่มต้น อย่างไรก็ตาม ส่วนของพวงมาลัยที่เป็นสีอ่อน อาจจะทำความสะอาด หรือดูแลรักษายากไปสักนิด เพราะเป็นส่วนที่ฝ่ามือ จะต้องสัมผัสอยู่ตลอดเวลา ทำให้อาจจะเกิดคราบสกปรกได้ง่าย จอแสดงผลการขับขี่ และจอแสดงผลกลางระบบ infotainment ถูกออกแบบให้รวมกันเป็นชิ้นเดียว มีขนาดใหญ่ ดูเรียบง่ายสะอาดตา มาพร้อมระบบปฏิบัติการ ORA Smart Cafe OS ส่วนช่องแอร์ มีลักษณะเรียวยาว ไปตลอดแนวของคอนโซลหน้า ตั้งแต่คอนโซลกลาง ไปจนถึงแผงข้างประตู ฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า ปุ่มควบคุมอุปกรณ์ภายใน ถูกรวมไว้ในพื้นที่เล็กๆใต้ช่องแอร์ ทำให้ไม่ดูรกรุงรัง สิ่งที่ยกระดับ ความหรูหราของรถรุ่นนี้ขึ้นไปอีกขั้น ก็คือหลังคาซันรูฟ ที่ ORA ใส่เข้ามาให้ด้วย ซึ่งเป็นไปได้ว่า จะมีมาให้ในรุ่นสูงสุด เรียกว่า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย ได้อย่างตรงจุด
ขุมพลังของ ORA Good Cat เป็นมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ที่ติดตั้งบริเวณเพลาหน้า ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร สามารถแล่นไปได้ไกลสูงสุด 501 กิโลเมตร/ชาร์จ ตามมาตรฐาน NEDC เมื่อใช้แบตเตอรี่ แบบ Lithium Nickel Manganese Cobalt Oxide (NMC) แต่จะลดเหลือ 401 กิโลเมตร/ชาร์จ เมื่อใช้แบตเตอรี่ แบบ Lithium Iron Phosphate (LFP) โดยใช้เวลาในการชาร์จไฟ ที่ระดับความจุ 30-80% ภายในเวลา 30 นาที ส่วนความเร็วสูงสุด อยู่ที่ 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง น้ำหนักรถเปล่า อยู่ที่ 1510 กิโลกรัม โดยมีน้ำหนักเท่ากัน สำหรับการใช้แบตเตอรี่ ทั้งสองกรณี
ในวิดีโอที่ทาง Great Wall ส่งมาให้สื่อมวลชนไทยนั้น มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจ และน่าจะเป็นจุดขายสำคัญ ให้รถรุ่นนี้ ทิ้งห่างคู่แข่งไปอีก นั่นก็คือระบบ ORA Pilot 3.0 ที่รวมเอาระบบช่วยขับขี่กึ่งอัตโนมัติ ORA Pilot Driving ที่ผู้ขับ สามารถละพวงมาลัย และถอนคันเร่งในขณะขับขี่ได้ ช่วยบรรเทาความตึงเครียดและเมื่อยล้า ในขณะขับขี่ และยังมีระบบ ORA Pilot Safety ที่มีระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติมาให้ด้วย อีกหนึ่งฟีเจอร์ ที่น่าจะโดนใจคุณสุภาพสตรีไม่น้อย ก็คือระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ORA Pilot Parking ที่สามารถสั่งงาน ผ่านโทรศัพท์มือถือได้อีกด้วย ทำให้ Good Cat เป็นรถยนต์ที่ล้ำสมัยที่สุดรุ่นหนึ่ง ในบรรดารถยนต์ระดับเดียวกัน แถมยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100%
ในประเทศจีน Great Wall ตั้งราคาจำหน่าย ORA Good Cat ไว้ที่ 105,000 หยวนหรือราว 488,000 บาท สำหรับรุ่นที่มาพร้อมแบตเตอรี่ แบบ Lithium Iron Phosphate (LFP) กับระยะทางแล่นสูงสุด 401 กิโลเมตร/ชาร์จ แต่ถ้าต้องการระยะทางสูงสุด ที่ 501 กิโลเมตร/ชาร์จ ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ แบบ Lithium Nickel Manganese Cobalt Oxide (NMC) ราคาจำหน่าย จะอยู่ที่ 135,000 หยวน หรือราว 627,000 บาท
การเริ่มทำตลาดด้วยรถยนต์ไฟฟ้าก่อน เป็นรุ่นแรกๆ ส่วนหนึ่งก็เพราะ Great Wall ต้องการใช้ความได้เปรียบ ในเรื่องภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน ที่ในปัจจุบัน มีเพียงคู่แข่งในตลาดอย่าง MG เท่านั้น ที่กำลังใช้ความได้เปรียบนี้อยู่ และ ORA Good Cat ก็เป็นส่วนเติมเต็ม ที่ขาดหายไปในตลาด ซึ่ง MG เอง ก็ยังไม่ได้ครอบคลุมในเซกเมน์นี้ ซึ่งในช่วงแรกของการบุกตลาดเมืองไทย มีความเป็นไปได้ว่า Great Wall อาจจะทำการปูพรม สร้างตลาดรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ที่เป็น City car ขึ้นมาใหม่ และชิงส่วนแบ่งตลาด จากรถยนต์ประเภทเดียวกัน ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายใน ด้วยราคาที่เข้าถึงได้ง่าย เพื่อสร้างการรับรู้ ก่อนที่จะมีการเปิดตัวรถยนต์ประเภทอื่นๆตามมา อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคาที่จำหน่ายในประเทศจีน จะถือว่าน่าสนใจ และเข้าถึงได้ง่ายสำหรับคนไทย แต่เชื่อว่าบริษัท จะใช้โครงสร้างราคา ที่อ้างอิงจากรถยนต์ของ MG ที่แม้ว่า จะเป็นรถยนต์คนละประเภท แต่ก็สามารถเป็นแนวทาง สำหรับการกำหนดราคารถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทย ได้ในระดับหนึ่ง อีกทั้งตลาดนี้ ก็ยังไม่มีคู่แข่งโดยตรง ทำให้ Great Wall มีพื้นที่ในการทำราคาจำหน่าย ได้อย่างอิสระพอสมควร
อย่างไรก็ตาม ด้วยการเป็นน้องใหม่ในตลาด ที่ต้องการสร้างการรับรู้ ในเรื่องแบรนด์และภาพลักษณ์ ซึ่งลูกค้าชาวไทยเอง ก็ยังไม่มีข้อมูลมากนัก ในเรื่องคุณภาพของสินค้า การบริการหลังการขาย แม้ว่า Great Wall จะใช้เครือข่ายเดิมของ Chevrolet บางส่วน และเพิ่มตัวแทนจำหน่ายใหม่ เสริมเข้าไปแล้วก็ตาม ทำให้เรื่องของราคาจำหน่าย น่าจะเป็นปัจจัย ที่มีความสำคัญอันดับต้นๆ ในการตัดสินอนาคตของ Great Wall ในช่วงแรก ว่าจะสามารถสร้างปรากฏการณ์ใหม่ ให้กับตลาดเมืองไทยได้หรือไม่