เป็นข่าวในไทยมานานแรมปี จากการเข้ามาซื้อโรงงานของ General Motors เมื่อต้นปี 2020 นี้ หลังจากนั้น Great Wall Motors หรือ GWM ก็เริ่มดำเนินกิจกรรมทางการตลาด พร้อมการสร้างการรับรู้ เกี่ยวกับแบรนด์รถยนต์ที่บริษัทมีอยู่ โดยทำการจัดตั้งสำนักงานในเมืองไทยอย่างเป็นทางการ คือ Haval Sales ประเทศไทย โดยมีจุดประสงค์ในการผลิตและจำหน่าย ทั้งรถอเนกประสงค์ หรือเอสยูวี รถยนต์ไฟฟ้า และรถกระบะปิกอัพ และเตรียมเปิดตัวรถเอสยูวีรุ่นเรือธง อย่าง Haval H6 หรือ H6 ในไทยเป็นรุ่นแรก ในต้นปี 2021
Haval H6 ถือว่าเป็นรถเอสยูวี ที่ขายดีที่สุดของ Great Wall โดยใน 11 เดือนแรกของปี 2020 สามารถจำหน่ายไปได้ ถึง 55,001 คัน เป็นรถเอสยูวีอันดับ 1 ในด้านยอดขายของจีน ติดต่อกันมานานถึง 90 เดือน หรือ 7 ปีครึ่งมา โดยในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา Great Wall สามารถจำหน่าย Haval H6 เจนเนอเรชั่นใหม่ ซึ่งเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 ไปได้ถึง 22,852 คัน
All-New Haval H6 เป็นรถเอสยูวีขนาดกลาง มีมิติตัวถังใกล้เคียงกับ Honda CR-V คือยาวเท่ากัน ที่ 4610 มม กว้างกว่าเล็กน้อย ที่ 1860 มม และสูงกว่า ที่ 1720 มม ระยะฐานล้อ ก็มากกว่า CR-V 28 มม คืออยู่ที่ 2690 มม มีระยะจากพื้นถึงใต้ท้องรถ อยู่ที่ 161 มม มาพร้อม 2 ขุมพลังเบนซินทางเลือกในตลาดต่างประเทศ คือเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร หรือ 1499 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 161 แรงม้า ที่ 5600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ที่ 1400-3000 รอบ/นาที
อีกหนึ่งรุ่นเครื่องยนต์ ก็คือเครื่องยนต์เบนซินขนาดความจุ 2.0 ลิตร หรือ 1967 ซีซี ให้กำลังสูงสุด ที่ 188 แรงม้า ที่ 5500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 340 นิวตันเมตร ที่ 2000-3200 รอบ/นาที โดยทั้งสองรุ่นเครื่องยนต์ รองรับมาตรฐานด้านมลพิษ Euro V จับคู่กับเกียร์ Dual Clutch 7 สปีด ขับเคลื่อน 2 ล้อ ระบบช่วงล่างด้านหน้า เป็นแบบอิสระ MacPherson ส่วนด้านหลัง เป็นแบบ Double Wishbone ระบบห้ามล้อหน้าและหลัง เป็นดิสเบรก เจาะรูระบายความร้อน
การเลือกเปิดตัวรถยนต์รุ่นที่ขายดี และเป็นจุดแข็งที่สุดของบริษัท ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด โดยเฉพาะการทำตลาด ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาด ที่กระทบกับเศรษฐกิจ และกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าในเมืองไทย