กระแสตอบรับ Suzuki Jimny ทั่วโลก น่าจะเป็นการช่วยให้ค่ายรถยนต์หลายค่าย มองเห็นโอกาสทางธุรกิจ ที่จะผลิตรถ SUV สไตล์ออฟโรดออกมาจำหน่าย และนั่นอาจจะทำให้ Haval บริษัทในเครือ Great Wall Motors ค่ายรถยนต์ที่ครองส่วนแบ่งตลาด รถกระบะปิกอัพ และรถเอสยูวี เป็นอันดับ 1 ในประเทศจีน เปิดตัวรถออฟโรดอย่าง Tank 300 ภายใต้แบรนด์ Wey และรถเอสยูวีทรงเหลี่ยมในสไตล์ off-road อย่าง Haval DaGou หรือ Haval Big Dog ที่อาจจะไม่ใช่รถออฟโรดพันธุ์แท้ แต่ก็อาจจะตอบโจทย์คนที่ชอบรถในสไตล์นี้ ในระดับหนึ่ง โดยได้นำรถทั้งสองรุ่น ไปจัดแสดงในงาน Chengdu Auto Show 2020 ที่จัดขึ้นในช่วงนี้
รถเอสยูวีสไตล์ off-road อีกรุ่นหนึ่ง ที่ได้รับความสนใจไปทั่วโลก ตั้งแต่ก่อนการเปิดตัว ก็คือ Ford Bronco ที่ลูกค้ากลุ่มท้ายๆ ที่สั่งจองไว้ อาจจะต้องรอการส่งมอบรถ ยาวนานถึง 18 เดือน Bronco ยังได้รับความสนใจจากคนไทยอยู่ไม่น้อย ที่รอลุ้นการนำเข้ามาจำหน่าย จากทั้ง Ford หรือแม้แต่บริษัทนำเข้ารถยนต์อิสระ แต่ดูเหมือนว่า ความหวังจะริบหรี่ เพราะ Ford ยังไม่มีแผนในการผลิต Bronco รุ่นพวงมาลัยขวา ออกมาจำหน่าย
ซึ่งแม้แต่ตลาดสำคัญ และมีกำลังซื้อสูงอย่างออสเตรเลีย ทางผู้บริหารระดับสูงของ Ford แดนจิงโจ้ ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์แล้วว่า บริษัทยังไม่มีแผนในการจำหน่าย Bronco ในประเทศออสเตรเลีย และนั่นอาจจะทำให้ Wey Tank 300 และ Haval Big Dog มีโอกาสในการแจ้งเกิดในต่างประเทศ รวมถึงไทยมากขึ้น เพราะนอกจากรถเอสยูวีในสไตล์นี้ ยังมีตัวเลือกที่ไม่มากในตลาดแล้ว Great Wall ยังมีไทยเป็นฐานการผลิต รถยนต์พวงมาลัยขวา ที่มีนโยบายส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก การที่มีทั้ง Wey Tank 300 และ Haval Big Dog ในมืออยู่แล้ว จึงเป็นเรื่องที่มีโอกาสเป็นไปได้ ที่เราจะเห็นรถรุ่นนี้ในเมืองไทย มากกว่า Ford Bronco ที่หลายคนคาดหวัง
Haval Big Dog มีขนาดที่เล็กกว่า Ford Bronco รุ่น 4 ประตู ในทุกมิติ โดยมีระยะฐานล้อ ที่สั้นกว่าประมาณ 200 มิลลิเมตร มีระยะจากพื้นถึงใต้ท้องรถอยู่ที่ 200 มิลลิเมตร โดย Big Dog มีความยาว 4,620 มม กว้าง 1,890 มม และสูง 1,780 มม การที่มีตัวถังที่เล็กกว่า Bronco นอกจากจะเหมาะกับคนเอเชียมากกว่าแล้ว เรื่องของราคาจำหน่าย ก็น่าจะเป็นมิตรมากกว่าด้วย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้รถในสไตล์เดียวกัน ที่มีอยู่ในท้องตลาดอยู่แล้ว อย่าง Jeep Wrangler หรือ Mercedes-Benz G-Class ไม่เป็นที่แพร่หลายในเมืองไทย
ส่วนห้องโดยสารภายใน มาพร้อมการตกแต่งที่ดูพรีเมี่ยม มาตรวัดเรือนไมล์เป็นแบบดิจิตอลทั้งหมด จอแสดงผลกลางระบบ infotainment มีขนาดใหญ่ มีแท่นชาร์จไฟโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย ถือว่าให้ความสะดวกสบายหรูหรา มากเกินกว่าที่จะเป็นรถสไตล์ off-road ที่เราได้เห็นมา
ขุมพลังของ Haval Big Dog มีอยู่ 2 รุ่นด้วยกัน คือรุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบ ความจุ 1.5 ลิตร 168 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 285 นิวตันเมตร และรุ่นเครื่องยนต์เทอร์โบความจุ 2.0 ลิตร ขนาด 221 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 385 นิวตันเมตร มาพร้อมระบบขับเคลื่อน AWD อัจฉริยะ
อย่างไรก็ตาม Haval ไม่ได้ให้รายละเอียดว่า Big Dog เป็นรถรุ่น global model ที่จะทำตลาดทั่วโลกหรือไม่ แต่เชื่อว่า หากกระแสตอบรับออกมาดี และตลาดมีการขยายตัวสูง คนไทย ก็น่าจะมีโอกาสได้ใช้รถรุ่นนี้ด้วยเช่นกัน