ในคลิปก่อน เราได้นำเสนอเกี่ยวกับรถยนต์ 3 รุ่น ที่คาดว่า Great Wall Motors มีแนวโน้มที่จะทำตลาดในประเทศไทยก่อน ซึงได้แก่ รถกระบะปิกอัพ Great Wall Cannon หรือ P Series รถเอสยูวีขนาดกลาง Haval F7 และรถไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ ORA R1 ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับรถกระบะ Great Wall Cannon เราได้เคยนำเสนอรายละเอียดไปแล้ว ในคลิปนี้ เราจึงขอพูดถึงรถเอสยูวี ซึ่งถือว่าเป็นรถยนต์จาก Haval ในเครือ Great Wall ที่มีการพูดถึงกันมากที่สุดในต่างประเทศก็ว่าได้ นั่นก็คือ Haval F7 รถเอสยูวี รุ่นที่ขายดีที่สุด เป็นอันดับ 2 รองจาก Haval H6 รถเอสยูวีที่ขายดีที่สุดในประเทศจีน ติดต่อกันยาวนานถึง 80 เดือน
และนั่นอาจจะทำให้หลายคน มีคำถามในใจว่า ในเมื่อ H6 เป็นรถเอสยูวี ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศจีน แต่ทำไม Great Wall ไม่เลือกที่จะทำตลาดรถรุ่นนี้ ในต่างประเทศ จริงๆแล้ว Haval H6 มีจำหน่ายในต่างประเทศอยู่บ้างแล้ว หนึ่งในนั้นก็คือ ออสเตรเลีย แต่จากการที่รถรุ่นนี้ มีการทำตลาดมานานกว่า 10 ปี และเริ่มมีการชะลอตัวในด้านยอดขาย ทำให้เมื่อ 2 ปีก่อน Great Wall โดย Haval ตัดสินใจเปิดตัว F Series ที่มีความทันสมัยกว่า และถูกออกแบบมาเพื่อคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ มาทำตลาดแทน H Series บางรุ่น ในต่างประเทศ
ซึ่งเมื่อเดือนเมษายน ปี 2019 ที่ผ่านมา ผู้บริหารของ Haval ได้ให้สัมภาษณ์สื่อยานยนต์ออสเตรเลียว่า บริษัทกำลังตัดสินใจว่า จะทำตลาด H6 เจนเนอเรชั่นใหม่ หรือ F7 ในตลาดรถยนต์พวงมาลัยขวา ซึ่งมาถึงตอนนี้ ก็ชัดเจนแล้วว่า Haval เลือกทำตลาด F7 ทดแทน H6 ดังเห็นได้จากการเผยโฉม F7 ในงาน Auto Expo 2020 ที่ประเทศอินเดีย เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งรถรุ่นนี้ จะมีการผลิตและจำหน่ายในประเทศอินเดีย ในต้นปี 2021 อีกด้วย และเป็นโรงงานเดิมของ General Motors ที่ Great Wall ได้เข้าไปซื้อกิจการ และมีการประกาศออกมาเป็นทางการ เมื่อต้นเดือนมกราคมปีนี้ ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่ประเทศที่ใช้รถยนต์พวงมาลัยซ้าย อย่างรัสเซีย Haval ก็ได้เริ่มจำหน่าย F7 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีการผลิตขึ้นที่โรงงานของ Great Wall ในรัสเซียเช่นกัน
Haval F7 เป็นรถเอสยูวีขนาดกลาง ภายใต้รุ่น F Series ที่มีอีกหนึ่งรุ่น ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า นั่นก็คือ F5 ที่มีการทำตลาดในต่างประเทศเช่นกัน และก็เป็นรถอีกหนึ่งรุ่น ที่เราน่าจะได้เห็นการทำตลาดในเมืองไทย ควบคู่ไปกับ F7 โดย Haval F7 มีคู่แข่งที่เทียบเคียงกันได้ ก็คือ Honda CR-V, Mazda CX-5, MG HS รวมถึง Chevrolet Captiva
โดยในปี 2019 ที่ผ่านมา F7 มียอดขายทั้งปี อยู่ที่ 140,770 คัน โดยในเดือนมกราคมที่ผ่านมา สามารถขายไปได้ถึง 10,193 คัน ถือว่าเป็นรถเอสยูวีรุ่นที่ขายดีที่สุด เป็นอันดับ 2 ของบริษัท ซึ่ง Haval เอง ก็เป็นแบรนด์รถเอสยูวีอันดับ 1 ในประเทศจีน ที่สามารถครองแชมป์ยอดขายสูงสุด ได้ถึง 10 ปีมาแล้ว โดยในปี 2019 ที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายไปได้ถึง 769,454 คัน การเดินทางมาถึงเมืองไทย ของ Haval ภายใต้บริษัทแม่อย่าง Great Wall จึงน่าจะทำให้ตลาดรถเอสยูวี ปั่นป่วนไม่น้อย เพราะ Haval เอง ก็เคยนำเสนอสินค้าของตัวเองว่า เป็นรถยนต์คุณภาพเยอรมนี ในราคาแบบจีน ซึ่งเมื่อถึงเวลาจริงๆ Haval จะสามารถรักษาแนวทางการทำตลาด อย่างที่เคยกล่าวไว้ ได้มากแค่ไหน ก็ต้องจับตาดูกันต่อไป
Haval F Series ได้ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2018 ที่เมืองเฉิงตู ประเทศจีน โดยตัวอักษร F ย่อมาจากคำว่า Future ที่แปลว่าอนาคต ซึ่งเป็นการสะท้อนแนวคิด ในการนำเสนอเทคโนโลยียานยนต์ที่มีความทันสมัย มาพร้อมการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัด ความปลอดภัยที่มั่นใจได้ และการขับขี่อัจฉริยะ เป็นการก้าวสู่สังคมยุคใหม่ ของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง
Haval F7 มาพร้อม 2 ขุมพลังทางเลือก ที่คาดว่าจะใช้ทำตลาดทั่วโลก นั่นก็คือ เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ ความจุ 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า PS แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร และเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ ความจุ 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า PS แรงบิดสูงสุด 340 นิวตันเมตร ทั้งสองรุ่นเครื่องยนต์ จะมาพร้อมระบบส่งกำลังแบบ Dual Clutch 7 สปีด ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล อาจจะมีการทำตลาด ตามมาในภายหลัง โดยมีเทคโนโลยีนำทางอัจฉริยะ อย่างระบบ i-Pilot ที่รองรับการขับขี่อัตโนมัติระดับ 2 หรือ level 2 ที่จะช่วยควบคุมพวงมาลัย ระบบเบรค การเร่งความเร็ว การควบคุมรถให้อยู่ในเลน และระบบ adaptive cruise control ที่ยังต้องมีการเฝ้าระวัง จากผู้ขับขี่อย่างใกล้ชิด ซึ่งระบบ i-Pilot นี้ อาจจะมีมาให้ หรือแยกออกไป ตามความเหมาะสมในแต่ละตลาด
Haval F7 ยังมาพร้อมระบบ infotainment หน้าจอแสดงผลแบบสัมผัส ขนาด 9 นิ้ว เบาะนั่งตอนหน้าปรับไฟฟ้า ระบบเบรคมือไฟฟ้า หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ รวมถึงระบบความปลอดภัยต่างๆ อาทิ ถุงลมนิรภัย 6 จุด ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง ระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง กล้องมองช่วยจอด 360 องศา เป็นต้น
Haval F7 ยังมีเวอร์ชั่นพิเศษ ก็คือ F7X ซึ่งมาพร้อมตัวถังในแบบ fastback หรือ coupe ที่มีจำหน่ายในต่างประเทศด้วยเช่นกัน ซึ่งถ้า Haval ทำตลาด F7X ในเมืองไทย งานนี้อาจจะทำให้ Haval แจ้งเกิดได้ง่ายขึ้น เพราะรถ suv ในสไตล์คูเป้ มีตัวเลือกในตลาดน้อย และในปัจจุบัน ถูกจำกัดไว้ ในตลาดรถยนต์ระดับพรีเมี่ยม อย่าง Mercedes-Benz BMW และ Porsche
ราคาจำหน่าย Haval F7 ในประเทศอินเดีย ที่สื่อมวลชนคาดการณ์ไว้ คิดเป็นเงินไทย จะอยู่ที่ 700,000-920,000 บาท ซึ่งเป็นรุ่นที่มีการผลิตขึ้นในประเทศอินเดีย โดยโรงงานดังกล่าว คาดว่าจะมีการส่งมอบจาก General Motors หรือ GM ให้กับ Great Wall ได้เสร็จสิ้นภายในกลางปี 2020 นี้ ในขณะที่ประเทศไทย GM และ Great Wall จะทำการส่ง และรับมอบโรงงาน ให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2020 ตามที่เป็นข่าว หรือช้ากว่าที่อินเดีย 6 เดือนโดยประมาณ
ซึ่งถ้าใช้เงื่อนไขเวลาเดียวกัน และ Great Wall ตัดสินใจทำตลาด F7 ในเมืองไทย ตามที่กล่าวข้างต้น เราอาจจะได้เห็นการอวดโฉม Haval F7 รวมถึง F5 และรถยนต์รุ่นอื่นๆ จากบริษัทในเครือ Great Wall ในงาน Motor Expo 2020 ปลายปีนี้ ก่อนที่จะมีการเปิดตัวรถรุ่นแรก ในปลายปี 2021 เป็นอย่างเร็ว แต่คาดว่ามีความเป็นไปได้สูง ที่จะขยับไปเป็นต้นปี 2022 ตามที่ทางรัฐบาลไทย ได้คาดการณ์เอาไว้