ในช่วงนี้ คงไม่มีแบรนด์รถยนต์ใด ที่มีการพูดถึงมากเท่ากับ Chevrolet ที่บริษัทแม่อย่าง General Motors หรือ GM เพิ่งประกาศยุติการดำเนินธุรกิจในเมืองไทย ไปเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีอีกชื่อหนึ่ง ที่ถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง ในฐานะผู้เข้ามาซื้อกิจการต่อจาก GM นั่นก็คือ Great Wall Motors ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากประเทศจีน ที่คนไทย ไม่คุ้นหูมาก่อนก็ว่าได้
ครั้งหนึ่ง เราเคยนำเสนอเรื่องราวของ Great Wall เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ในฐานะค่ายรถยนต์สัญชาติจีน ที่กล้าออกมาประกาศว่า จะขึ้นมาเป็นค่ายรถยนต์อันดับ 3 ของโลก ที่มีส่วนแบ่งตลาดรถกระบะขนาด 1 ตันมากที่สุด พร้อมเผยถึงแผนงาน การขยายการครอบคลุมการผลิตและจำหน่าย ในตลาดสำคัญทั่วโลก ซึ่ง Great Wall ไม่ได้มีดี เพียงแต่พูดเท่านั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ การเข้าไปซื้อกิจการโรงงานผลิตรถยนต์ ในประเทศต่างๆ ทั้งรัสเซีย อินเดีย และล่าสุดก็คือ โรงงานผลิตรถยนต์ Chevrolet ที่จังหวัดระยอง ประเทศไทย
นั่นทำให้เกิดความน่าสนใจขึ้นว่า Great Wall มีแผนงานใดต่อไป กับตลาดเมืองไทย หลังจากที่เราได้เคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้วว่า ค่ายรถยนต์ที่มีความทะเยอทะยานมากที่สุดจากจีนรายนี้ น่าจะเลือกเปิดตลาดเมืองไทย ด้วยการเปิดตัวรถกระบะที่เป็น global model อย่าง Cannon หรือ P Series เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ของยอดขาย 3 ล้านคัน ภายในปี 2025 ซึ่งจริงๆแล้ว Great Wall ยังมีรถรุ่นอื่นๆที่น่าสนใจ และคาดว่าจะมีการเปิดตัวในเมืองไทย ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งในคลิปนี้ เราจะมานำเสนอว่า รถรุ่นใดของ Great Wall ที่จะมีโอกาสเปิดตลาดในเมืองไทยมากที่สุด จากรถยนต์ทั้งหมด 14 รุ่น ที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน
แม้ว่า Great Wall ยังไม่เปิดเผยรุ่นรถยนต์ ที่จะทำตลาดในเมืองไทยในขณะนี้ แต่ก็มีการเปรยถึงประเภทรถยนต์ ที่จะทำตลาดในเมืองไทย ผ่านการให้สัมภาษณ์ หรือแถลงข่าวออกมาเป็นระยะ ซึ่งพอจะสรุปได้ว่า Great Wall น่าจะมีการทำตลาดรถกระบะปิกอัพ ที่ค่อนข้างจะยืนพื้น ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน อันดับ 1 ของโลก อย่างไทย รถยนต์อีก 2 ประเภท ที่คาดว่าจะมีการเปิดตัวด้วยก็คือ รถ SUV และรถไฟฟ้า ซึ่งรถยนต์ทั้ง 3 ประเภท เป็นรถยนต์ 3 ประเภทหลัก ที่ Great Wall มีจำหน่ายในปัจจุบัน
ในปี 2019 ที่ผ่านมา Great Wall มีแบรนด์รถยนต์ที่ทำตลาดอยู่ 4 แบรนด์ด้วยกัน คือ Great Wall, Haval, Wey และ Ora ที่มียอดขายรวมทั้งสิ้น 1,060,298 คัน ในจำนวนนี้ เป็นยอดส่งออกเพียง 65,175 คัน โดยในตลาดจีน Great Wall มีส่วนแบ่งตลาดที่ 4% เป็นอันดับที่ 8 โดยมี SAIC ซึ่งเป็นพันธมิตรของ MG ในประเทศไทย มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ถึง 28.7% ตามมาด้วยอันดับ 2 คือ DFG ที่ 13.8% และ FAW เป็นอันดับ 3 ที่ 12.9%
การที่มีส่วนแบ่งตลาดเพียง 4% ก็เพราะ Great Wall มีรุ่นรถยนต์ที่ทำตลาดไม่มากนัก โดยเน้นจำหน่ายรถเอสยูวีและรถกระบะปิกอัพเป็นหลัก ซึ่งความยิ่งใหญ่ของ Great Wall ได้สะท้อนออกมาอย่างชัดเจน ในตลาดรถยนต์ทั้ง 2 ประเภท คือ สามารถครองส่วนแบ่งตลาด มาเป็นอันดับ 1 ในประเทศจีน ทั้งรถกระบะปิกอัพ ภายใต้แบรนด์ Great Wall และรถ SUV ภายใต้แบรนด์ Haval
ในตลาดรถกระบะของจีน Great Wall มีส่วนแบ่งตลาดถึง 30% โดยประมาณ และมีแนวโน้มเติบโตขึ้น จากการเปิดตัวรุ่น P Series โดยทิ้งห่าง JMC, Nissan, Isuzu และ Maxus ซึ่งอยู่ใน 5 อันดับแรก อย่างมีนัยยะสำคัญ โดยรุ่นที่ขายดีที่สุด ก็คือ Wingle 5 ที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ของจีน ในขณะที่ Wingle 7 มียอดขายเป็นอันดับ 3 ของประเทศ โดยรุ่น Wingle สามารถทำยอดขายรวม ในปี 2019 ที่ 130,531 คัน ส่วนรุ่น P Series หรือ Cannon ซึ่ง Great Wall เรียกว่าเป็น Passenger Pickup มียอดขาย ที่ 18,299 คัน ซึ่งเพิ่งมีการเปิดตัว มาเพียงไม่กี่เดือน โดยในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของปี มียอดขายถึง 7,020 คัน และ P Series นี่เอง ที่ Great Wall ถือว่า เป็นรถกระบะรุ่น global model ที่จะทำตลาดทั่วโลก
ส่วนตลาดรถ suv ที่ Great Wall มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ของประเทศจีนเช่นกัน และครองแชมป์มายาวนานถึง 10 ปีโดยทำตลาดภายใต้แบรนด์ Haval ซึ่งถือว่า เป็นขุมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท ด้วยยอดขาย ถึง 769,454 คัน ใน 7 รุ่นย่อยที่ทำตลาด คือ H2 H4 H6 H9 M6 F5 และ F7 โดยรุ่น H6 เป็นรถรุ่นที่ขายดีที่สุด ที่ 386,405 คัน และเป็นรถ suv ที่ขายดีที่สุดในประเทศจีน ติดต่อกัน ยาวถึง 80 เดือน รวมถึงเดือนล่าสุด มกราคม 2020 แต่รถ suv ที่คาดว่าจะมีการทำตลาดในประเทศไทย ก็คือ Haval รุ่น F7 ซึ่งเป็น suv รุ่นที่ขายดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ของบริษัท โดย Great Wall วางตำแหน่งทางการตลาด ให้รถรุ่นนี้เป็น Global model
สำหรับแบรนด์ Wey ที่ Great Wall ถือว่าเป็นรถยนต์หรูอัจฉริยะ และเป็นรถประเภท suv ทั้งหมด 3 รุ่น คือ VV5 VV6 และ VV7 มียอดขายรวม 100,043 คัน ในปี 2019 ที่ผ่านมา โดยมีรุ่น VV6 มียอดขายมากกว่าครึ่ง ถึง 57,724 คัน ถ้ามองในแง่ของเป็นไปได้ ในการทำตลาดในเมืองไทย Wey ยังไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองได้เหมือน Haval รวมถึง Great Wall เอง ยังไม่ได้ฉายภาพ ให้เห็นรถรุ่นนี้ในต่างประเทศเหมือนกับ Haval นั่นทำให้โอกาสที่เราจะได้เห็นรถรุ่นนี้ในเมืองไทย มีน้อยที่สุด ใน 4 แบรนด์ที่้ Great Wall มีอยู่
มาถึงรุ่นสุดท้าย ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า นั่นก็คือ Ora ที่ Great Wall มองว่า มันคืออนาคตของบริษัท โดยในปี 2019 ที่ผ่านมา Great Wall จำหน่าย ORA ไปได้ 38,865 คัน ใน 2 รุ่นย่อย คือรุ่น R1 จำนวน 28498 คัน และรุ่น iQ ซึ่งเป็นรถไฟฟ้ารุ่นแรกของ ORA มียอดขายอยู่ที่ 10367 คัน โดยมีรุ่น R2 เป็นอีกหนึ่งรุ่น ที่คาดว่าจะมีการเปิดตัวในอนาคต ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้า ก็อยู่ในแผนการทำตลาดของ Great Wall ในเมืองไทยเช่นกัน
จากข้อมูลที่นำเสนอมาข้างต้น โดยสรุปแล้ว ถ้ามองในแง่ของการประสบความเสร็จในด้านยอดขาย และการถูกวางตำแหน่งทางการตลาดให้เป็น global model คาดว่า Great Wall มีแนวโน้มที่จะทำตลาด รุ่นรถยนต์ดังต่อไปนี้ในเมืองไทย คือ
- รถเอสยูวี Haval F7 ซึ่งเป็นรุ่น Global Model
- รถกระบะ Great Wall รุ่น P Series หรือ Cannon ที่เป็น global model เช่นกัน
และ 3. รถไฟฟ้า ORA R1 ซึ่งเป็นรถไฟฟ้า รุ่นที่ขายดีที่สุดของบริษัท
อย่างไรก็ตาม ชื่อรุ่นที่จะใช้ในการทำตลาด อาจจะมีการปรับเปลี่ยน ไปตามความเหมาะสมในภายหลัง ซึ่งในช่วงแรก Great Wall อาจจะใช้โรงงานเดิมของ GM ในการผลิตรถเอสยูวี และรถกระบะเป็นรุ่นแรกๆ โดยรถไฟฟ้าอย่าง ORA อาจจะเป็นการนำเข้ามาจำหน่ายในช่วงแรกเพื่อความรวดเร็ว เพราะการผลิตหรือประกอบรถไฟฟ้าในเมืองไทย จำเป็นจะต้องมีการอนุมัติจากทางหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมี BOI เป็นหน่วยงานหลัก