ปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เราได้นำเสนอข่าว Toyota เตรียมสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ ที่นิคมอุตสาหกรรมติลาวา ในประเทศเมียนม่าร์ ด้วยเงินลงทุนกว่า 1,600 ล้านบาท โดยจะมีการประกอบรถกระบะปิกอัพ รุ่น Hilux เป็นจำนวน 1 หมื่นคันต่อปี ถือว่าเป็นฐานการผลิตแห่งที่ 6 ในภูมิภาคอาเซียน จากการเปิดเผยโดยหนังสือพิมพ์ชื่อดังของญี่ปุ่น Nikkei Asian Review
ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของ Toyota เกิดจากแรงกระตุ้นจากรัฐบาลเมียนม่าร์ ที่มีการขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ เพื่อให้เกิดการลงทุนในประเทศทดแทน โดยรถยนต์ใหม่ มีการเติบโตกว่าเท่าตัว ในปี 2018 ที่ 17,500 คัน โดยเป็นรถยนต์จาก Suzuki ถึง 10,330 คัน ด้วยการที่ Suzuki มีฐานการผลิตที่นั่น มาตั้งแต่ปี 2013 ในขณะที่ Toyota จำหน่ายได้เพียง 3,017 คัน แต่การนำเข้ารถยนต์มือสอง ทำให้ Toyota เป็นรถยนต์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ในประเทศเมียนม่าร์
นอกจากนั้น ยังมีค่ายรถยนต์อื่นๆ ที่ทยอยลงทุนในเมียนม่าร์ เช่น Kia ที่เริ่มลงทุนมาตั้งแต่ปี 2013 ตามมาด้วย Nissan Ford และล่าสุด Hyundai บริษัทแม่ของ Kia ก็เพิ่งเริ่มเดินสายการผลิต เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ต้นปีนี้ โดยแต่ละบริษัท จะทำผลิตสินค้า ด้วยการนำเข้าชิ้นส่วน มาประกอบในโรงงาน ในแบบ semi-knocked down หรือ SKD
แม้ว่ายอดขายรถยนต์ใหม่ต่อปีของเมียนม่าร์ จะมีเพียง 17,500 คัน ตามหลังไทย ที่มีถึง 1,040,000 คัน และเวียดนามที่ 280,000 คัน แต่ Toyota ก็จะใช้ฐานการผลิตแห่งนี้ ในการส่งออกสินค้าสู่ภูมิภาคในอนาคต เนื่องจากอยู่ติดกับประเทศไทย ที่เป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าของภูมิภาคอยู่แล้ว และอีกทั้งเส้นทางการเดินทางของ East-West Economic Corridor ที่เชื่อมต่อระหว่างเมียนม่าร์และเวียดนาม ก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ทำให้การขนส่งสินค้าโดยรถบรรทุก จากเมียนม่าร์สู่กรุงเทพ สามารถทำได้ ภายในเวลาน้อยกว่า 1 วัน
Toyota จะใช้โรงงานในเมืองไทยเป็นโรงงานแม่ ที่จะช่วยถ่ายทอดเทคโนโลยี และ know-how ต่างๆ ให้กับโรงงานใหม่แห่งนี้