เดือนพฤษภาคม 2565 ผลิตรถยนต์ 129,231 คัน ลดลงร้อยละ 7.80 ขาย 64,735 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.71 ส่งออก 76,937 คัน ลดลงร้อยละ 3.20
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือนพฤษภาคม 2565 ดังต่อไปนี้
การผลิต
จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนพฤษภาคม 2565 มีทั้งสิ้น 129,231 คัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2564 ร้อยละ 7.80 ลดลงจากการผลิตเพื่อส่งออกรถยนต์นั่งและรถกระบะลดลงร้อยละ 23.05 และ 17.84 ตามลำพัง รวมทั้งผลิตรถยนต์นั่งขายในประเทศลดลงร้อยละ 0.31 จากการขาดแคลนชิ้นส่วนและเซมิคอนดักเตอร์ในบางรุ่น แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 9.72
จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 727,095 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 2.36
รถยนต์นั่ง เดือนพฤษภาคม 2565 ผลิตได้ 40,147 คัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2564 ร้อยละ 9.58
ยอดผลิตของรถยนต์นั่ง ตั้งแต่เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2565 มีจำนวน 213,127 คัน เท่ากับร้อยละ 29.31 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 13.81
รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตัน ขึ้นไป ในเดือนพฤษภาคม 2565 ผลิตได้ 0 คัน ซึ่งเดือนพฤษภาคม 2564 ยังไม่มีการผลิต รวมเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2565 ผลิตได้ 0 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 100
รถยนต์บรรทุก เดือนพฤษภาคม 2565 ผลิตได้ทั้งหมด 89,084 คัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2564 ร้อยละ 6.98 แต่ตั้งแต่เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2565 ผลิตได้ทั้งสิ้น 513,968 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 10.99
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนพฤษภาคม 2565 ผลิตได้ทั้งหมด 85,736 คัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2564 ร้อยละ 7.62 แต่ตั้งแต่เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2565 ผลิตได้ทั้งสิ้น 497,913 คัน เท่ากับร้อยละ 68.48ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 10.57 โดยแบ่งเป็น
รถกระบะบรรทุก 132,104 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 70
รถกระบะดับเบิลแค็บ 305,358 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 48
รถกระบะ PPV 60,451 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 23
รถบรรทุกขนาดต่ำกว่า 5 ตัน – มากกว่า 10 ตัน เดือนพฤษภาคม 2565 ผลิตได้ 3,348 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2564 ร้อยละ 13.22 รวมเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2565 ผลิตได้ 16,055 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 25.85
ผลิตเพื่อส่งออก
เดือนพฤษภาคม 2565 ผลิตได้ 65,839 คัน เท่ากับร้อยละ 50.95 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2564 ร้อยละ 19 ส่วนเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2565 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 369,660 คัน เท่ากับร้อยละ 50.84 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปี 2564 ระยะเวลาเดียวกัน ร้อยละ 10.20
รถยนต์นั่ง เดือนพฤษภาคม 2565 ผลิตเพื่อการส่งออก 13,925 คัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2564 ร้อยละ -23.05 และตั้งแต่เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2565 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 72,527 คัน เท่ากับร้อยละ 34.03 ของยอดผลิตรถยนต์นั่ง ซึ่งลดลงจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 40.15
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนพฤษภาคม 2565 มียอดการผลิตเพื่อการส่งออก 51,914 คัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2564 ร้อยละ 17.84 และตั้งแต่เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2565 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 297,133 คัน เท่ากับร้อยละ 59.68 ของยอดการผลิตรถกระบะ เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 2.29 โดยแบ่งเป็น
รถกระบะบรรทุก 36,024 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 13
รถกระบะดับเบิลแค็บ 227,870 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 59
รถกระบะ PPV 33,239 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 35
ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ
เดือนพฤษภาคม 2565 ผลิตได้ 63,392 คัน เท่ากับร้อยละ 49.05 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2564 ร้อยละ 7.66 และเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2565 ผลิตได้ 357,435 คัน เท่ากับร้อยละ 49.16 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 19.67
รถยนต์นั่ง เดือนพฤษภาคม 2565 ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 26,222 คัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2564 ร้อยละ 0.31 ยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศของรถยนต์นั่ง ตั้งแต่เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2565 ผลิตได้ 140,600 คัน เท่ากับร้อยละ 65.97 ของยอดการผลิตรถยนต์นั่ง โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 แล้ว เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.52
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนพฤษภาคม 2565 มียอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 33,822 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2564 ร้อยละ 14.17 และตั้งแต่เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2565 ผลิตได้ทั้งสิ้น 200,780 คัน เท่ากับร้อยละ 40.32 ของยอดการผลิตรถกระบะ เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 25.62 ซึ่งแบ่งเป็น
รถกระบะบรรทุก 96,080 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 36
รถกระบะดับเบิลแค็บ 77,488 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 59
รถกระบะ PPV 27,212 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 15
รถจักรยานยนต์
เดือนพฤษภาคม 2565 ผลิตรถจักรยานยนต์ได้ทั้งสิ้น 215,220 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2564 ร้อยละ 2.82 แยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 157,940 คัน ลดลงจากปี 2564 ร้อยละ 14.05 ลดลงจากการขาดแคลนชิ้นส่วนและเซมิคอนดักเตอร์ แต่ชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 57,280 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ร้อยละ 124.19
ยอดการผลิตรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,034,593 คัน ลดลงจากปี 2564 ร้อยละ 0.95 แยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 777,915 คัน ลดลงจากปี 2564 ร้อยละ -6.45 และชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 256,678 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ร้อยละ 20.56
ยอดขาย
ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนพฤษภาคม 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 64,735 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 2.06 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว ร้อยละ 15.71 เพิ่มขึ้นจากการผ่อนคลายการ ล็อกดาวน์มากขึ้นของรัฐบาล ทำให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการผ่อนคลายความเข้มงวดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน การประกันรายได้เกษตรกร การส่งออกยังคงเติบโตดี ทำให้ประชาชนหลายภาคส่วนมีรายได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตามยังมีความกังวลราคาน้ำมันและวัตถุดิบที่สูงขึ้นมากจนอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นมากรวมทั้งหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นสูงจะทำให้อำนาจซื้อของประชาชนลดลง
ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 162,352 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2564 ร้อยละ 14.13 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 33.24
ตั้งแต่เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2565 รถยนต์มียอดขาย 359,351 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 16.59 ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 732,344 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 2.98
การส่งออก
รถยนต์สำเร็จรูป
เดือนพฤษภาคม 2565 ส่งออกได้ 76,937 คัน โดยลดลงจากเดือนที่แล้ว ร้อยละ 48.78 และลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2564 ร้อยละ 3.20 ลดลงจากการผลิตรถยนต์นั่งเพื่อส่งออกลดลงร้อยละ 23.05 จึงส่งออกไปตลาดรถยนต์นั่งลดลง เช่น ตลาดเอเชียและตลาดยุโรป มูลค่าการส่งออก 46,226.52 ล้านบาท ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2564 ร้อยละ 4.52 โดยเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า ดังนี้
เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 2,836.84 ล้านบาท ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2564 ร้อยละ 02
ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆมีมูลค่าการส่งออก 16,947.15 ล้านบาท ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2564 ร้อยละ 33%
อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 2,362.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2564 ร้อยละ 32
รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนพฤษภาคม 2565 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 68,373.05 ล้านบาท ลดลงจากเดือนพฤษภาคม2564 ร้อยละ 4.91
เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2565 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 375,757 คัน โดยลดลงจากปี 2564 ในระยะเวลาเดียวกัน ร้อยละ 3.77 แต่มีมูลค่าการส่งออก 223,872.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 1.10
เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 18,158.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 42
ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 89,353.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 82
อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 10,368.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 04
รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2565 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 341,753.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 2.66
รถจักรยานยนต์
เดือนพฤษภาคม 2565 มีจำนวนส่งออก 85,809 คัน (รวม CBU + CKD) โดยเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2564 ร้อยละ 36.11 และเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2565 ร้อยละ 22.10 โดยมีมูลค่า 5,480.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2564 ร้อยละ 3.50
ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 92 ล้านบาท ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2564 ร้อยละ 0.97
อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 34 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2564 ร้อยละ 95.40
รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์ เดือนพฤษภาคม 2565 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ 5,883.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2564 ร้อยละ 5.03
เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2565 รถจักรยานยนต์ มีจำนวนส่งออก 422,185 คัน (รวม CBU + CKD) เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ร้อยละ 7.69 โดยมีมูลค่า 28,845.83 ล้านบาท ลดลงจากปี 2564 ร้อยละ 16.50
ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 37 ล้านบาท ลดลงจากปี 2564 ร้อยละ 20.37
อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 1,012.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ร้อยละ76
รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2565 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 30,682.98 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 15.74
เดือนพฤษภาคม 2565 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 74,256.32 ล้านบาท ลดลงจากปี 2564 ร้อยละ 4.19
เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2565 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 372,436.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ร้อยละ 0.84
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนพฤษภาคม 2565
เดือนพฤษภาคม 2565 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 1,567 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วร้อยละ 189.65 โดยแบ่งเป็น
รถยนต์นั่งและรถกระบะมีทั้งสิ้น 519 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2564 ร้อยละ 84
รถยนต์นั่งจำนวน 509 คัน
รถกระบะ รถแวนจำนวน 2 คัน
รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 7 คัน
รถยนต์บริการธุรกิจ 1 คัน
รถยนต์สามล้อรับจ้างมีทั้งสิ้น 64 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2564 ร้อยละ 6300
รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลจำนวน 11 คัน
รถยนต์รับจ้างสามล้อจำนวน 53 คัน
รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 953 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2564 ร้อยละ 53
รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 953 คัน
รถโดยสารมีทั้งสิ้น 30 คัน ซึ่งเดือนพฤษภาคม 2564 ยังไม่มีการจดทะเบียน
รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 1 คัน ซึ่งเดือนพฤษภาคม 2564 ยังไม่มีการจดทะเบียน
เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2565 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 5,702 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคมปีที่แล้วร้อยละ 156.15 โดยแบ่งเป็น
รถยนต์นั่งและรถกระบะมีทั้งสิ้น 2,164 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 25
รถยนต์นั่งจำนวน 2,134 คัน
รถกระบะและรถแวนจำนวน 4 คัน
รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 22 คัน
รถยนต์บริการธุรกิจ 4 คัน
รถยนต์สามล้อรับจ้างมีทั้งสิ้น 103 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 26
รถยนต์รับจ้างสามล้อจำนวน 90 คัน
รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลจำนวน 13 คัน
รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 3,381 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 01
รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 3,379 คัน
รถจักรยานยนต์สาธารณะจำนวน 2 คัน
รถโดยสารมีทั้งสิ้น 49 คัน ซึ่งเดือนมกราคม -พฤษภาคม 2564 ยังไม่มีการจดทะเบียน
รถโดยสารมีทั้งสิ้น 5 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม -พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 400
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนพฤษภาคม 2565
เดือนพฤษภาคม 2565 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 5,362 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วร้อยละ 67.77 โดยแบ่งเป็น
รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 5,334 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 40
รถยนต์นั่งจำนวน 5,328 คัน
รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 5 คัน
รถยนต์บริการทัศนาจร 1 คัน
รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 28 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ94
รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 28 คัน
เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2565 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 27,093 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วร้อยละ 46.80 โดยแบ่งเป็น
รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 26,946 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม2564 ร้อยละ 92
รถยนต์นั่งจำนวน 26,934 คัน
รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 8 คัน
รถยนต์บริการธุรกิจ 1 คัน
รถยนต์บริการทัศนาจร 3 คัน
รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 147 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ16
รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 147 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนพฤษภาคม 2565
เดือนพฤษภาคม 2565 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 1,056 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วร้อยละ 50 โดยแบ่งเป็น
รถยนต์นั่งมีทั้งสิ้น 837 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2564 ร้อยละ 50
รถยนต์นั่งจำนวน 1,056 คัน
เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2565 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 4,862 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคมปีที่แล้วร้อยละ 55.09 โดยแบ่งเป็น
รถยนต์นั่งมีทั้งสิ้น 3,806 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2564 ร้อยละ 09
รถยนต์นั่งจำนวน 4,862 คัน
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2565
ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2565 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 17,026 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 118.79 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
รถยนต์นั่งและต่างๆ มีทั้งสิ้น 6,298 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ร้อยละ 115.39
รถยนต์นั่งมีจำนวน 6,127 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ร้อยละ 59
รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 41 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ร้อยละ 24
รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 5 คัน ซึ่งวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 ยังไม่มีการจดทะเบียน
รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารฯ มีจำนวน 125 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ร้อยละ 25
รถยนต์ 3 ล้อมีจำนวนทั้งสิ้น 365 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ร้อยละ 45.42
รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลมีจำนวน 45 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ร้อยละ 08
รถยนต์รับจ้างสามล้อมีจำนวน 320 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ร้อยละ 22
รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 10,071 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ร้อยละ 124.60
รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 9,999 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ร้อยละ 99
รถจักรยานยนต์สาธารณะมีจำนวน 72 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ร้อยละ 260
อื่นๆ
รถยนต์โดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 285 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ร้อยละ 61
รถยนต์โดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 7 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ร้อยละ 600
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2565
ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2565 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV มีจำนวนทั้งสิ้น 223,378 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 24.43 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
รถยนต์นั่งและรถประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 214,640 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ร้อยละ 25.32
รถยนต์นั่งมีจำนวน 213,989 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ร้อยละ 46
รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 1 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2564
รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารฯ มีจำนวน 549 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ร้อยละ -7.73
รถยนต์บริการธุรกิจ มีจำนวน 24 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ร้อยละ 13.79
รถยนต์บริการทัศนาจร มีจำนวน 75 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ร้อยละ 8.54
รถยนต์บริการให้เช่า มีจำนวน 2 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ร้อยละ33
รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 8,736 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ร้อยละ 6.06
รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 8,736 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ร้อยละ 06
อื่นๆ
รถยนต์โดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 1 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2564
รถบรรทุกมีจำนวนทั้งสิ้น 1 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2564
ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2565
ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2565 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV มีจำนวนทั้งสิ้น 35,993 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 32.17 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้
รถยนต์นั่งมีทั้งสิ้น 35,993 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ร้อยละ 32.17
รถยนต์นั่งมีจำนวน 35,931 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ร้อยละ 27
รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 40 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ร้อยละ44
รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 21 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2564 ร้อยละ 23
รถยนต์บริการให้เช่ามีจำนวน 1 คัน ซึ่งเท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2564