แม้ว่า Isuzu D-MAX จะทำผลงานได้ดีมากในเมืองไทย ด้วยการเป็นหนึ่งในรถยนต์ รุ่นที่ขายดีที่สุดในประเทศมานานหลายปี จนล่าสุด สามารถล้มแชมป์อย่าง Toyota Hilux Revo ลงไปได้ ในปี 2020 ที่ผ่านมา หลังจากที่เบียดแข่งกันมานานหลายปี แต่คำวิพากษ์วิจารณ์ ที่มักจะมีตามมาเสมอก็คือ การที่ Isuzu D-MAX ถูกมองว่า เป็นแบรนด์ที่ขายดีแค่ในเมืองไทยและในบางประเทศเท่านั้น ซึ่งจุดนี้ อาจจะเป็นกลยุทธ์ในการทำตลาดของทาง Isuzu เอง ที่ออกจะเป็นแนวอนุรักษ์นิยม คือไม่ยอมเสี่ยง หากไม่แน่ใจในสิ่งที่จะทำ ฉะนั้นเราจึงเห็นการทำตลาด D-MAX และ MU-X เพียงไม่กี่ประเทศในปัจจุบัน แต่ถ้าได้เปิดเกมแล้ว Isuzu ก็จะเดินหน้าเต็มกำลัง ในการทำตลาด เหมือนกับที่เราได้เห็น ในตลาดสำคัญอย่างออสเตรเลียไปแล้ว
มาเลเซียอาจจะเป็นตลาดที่ไม่ใหญ่มาก แต่ด้วยการที่มีกำลังซื้อสูงกว่าเมืองไทย และเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มอาเซียน Isuzu จึงเลือกที่จะเข้ามาทำตลาด D-MAX ซึ่งในปัจจุบัน มีจำหน่ายถึง 7 รุ่นย่อยด้วยกัน และทั้งหมด ก็เป็นรุ่น 4×4 ขับเคลื่อน 4 ล้อ ล่าสุด Isuzu แดนเสือเหลือง เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าที่นั่น ด้วยการเปิดตัว D-MAX รุ่น 4X2 Auto Plus เครื่องยนต์ 1.9 ลิตร ในราคาที่สูงกว่ารุ่น 4×4 ถึง 3 รุ่น โดยมีราคาที่ 100,999 ริงกิต หรือราว 806,000 บาท ซึ่งยังไม่รวมค่าประกันภัย และเป็นราคาจำหน่าย ที่ไม่ได้รับการยกเว้นภาษีขาย อันเนื่อองมาจากรถกระบะปิกอัพในประเทศมาเลเซีย ถูกจัดให้เป็นรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ที่ไม่เข้าข่ายได้รับการยกเว้นภาษีบางอย่าง
Isuzu D-MAX ที่ทำตลาดในมาเลเซีย เป็นการนำเข้ามาแบบทั้งคัน หรือ CBU จากประเทศไทย โดยในปัจจุบัน มีเพียง 28% ของกลุ่มลูกค้าทั้งหมด เลือกที่จะใช้งานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเป็นประจำ นั่นจึงทำให้ Isuzu มองว่า การมีรุ่น 4×2 ให้เลือก น่าจะเป็นการตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ได้ดีกว่า
Isuzu D-MAX 4X2 Auto Plus มาพร้อมขุมพลังดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ รหัส RZ4E-TC ความจุ 1.9 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 PS ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที ส่งกำลังไปขับเคลื่อนล้อหลัง ผ่านเกียร์อัตโนมัติ torque converter 6 สปีด ที่มาพร้อมฟังค์ชั่น sequential shift โดยมีอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ แทบจะเหมือนกันกับรุ่น 4X4 AT Standard ทั้งล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ไฟหน้าโปรเจกเตอร์ Bi-LED มาพร้อมไฟเดย์ไทม์แบบ LED กระจังหน้าสีเทาด้าน กระจกมองข้างพับไฟฟ้า มาพร้อมไฟเลี้ยว LED บันไดข้าง พื้นปูกระบะท้าย มือจับประตูและฝาท้ายเป็นสีเดียวกับตัวถัง ติดสติ๊กเกอร์คำว่า 4×2 Auto Plus
ภายในห้องโดยสาร พวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังค์ชั่น 4 ก้านหุ้มหนัง มาพร้อมมาตรวัด e-Lumax ที่มีจอแสดงข้อมูลการขับขี่ LCD ขนาด 4.2 นิ้ว ส่วนจอแสดงผลกลางเป็นแบบระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ลำโพง 6 ตัว ระบบปรับอากาศ manual แบบ single zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง เบาะนั่งปรับมือหุ้มผ้า
สำหรับระบบความปลอดภัย ได้แก่ ถุงลมนิรภัย 2 จุดด้านหน้า ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบ traction control ระบบป้องกันล้อล็อค ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรคและช่วยเบรค ระบบช่วยควบคุมรถขณะลงทางลาดชัน เซนเซอร์ถอยจอด 4 จุด รวมถึงกล้องช่วยมองหลัง มีมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ในประเทศมาเลเซีย Isuzu D-MAX เริ่มทำผลงานได้ดี ด้วยการไต่ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 แซงหน้า Mitsubishi Triton ในด้านยอดขายรายเดือน แต่ก็ยังตามหลัง Toyota Hilux อยู่มากพอสมควร ซึ่งทำยอดขายได้ราว 1,500 คัน ในขณะที่ยอดขายของ D-MAX อยู่ที่ราว 500 กว่าคัน ซึ่งในภาพรวม แบรนด์รถยนต์ประจำชาติมาเลเซียอย่าง Perodua และ Proton ยังเป็นผู้นำตลาดแบบทิ้งห่างคู่แข่งหลายเท่าตัว