Contemporary Amperex Technology (CATL) บริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในโลก ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ที่ใช้งานได้ยาวนานถึง 15 ปี กับระยะทางวิ่งสูงสุด ถึง 1.5 ล้านกิโลเมตร โดยมุ่งเน้นไปที่การใช้งาน สำหรับรถโดยสารไฟฟ้า
แบตเตอรี่ Tianxing-B (Tectrans B) ใหม่ ของ CATLได้รับการพัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสำหรับรถโดยสารไฟฟ้า โดยบริษัทอ้างว่าแบตเตอรี่นี้มีความหนาแน่นของพลังงาน 175 วัตต์ชั่วโมง/กก. ซึ่งถือเป็นความหนาแน่นของพลังงานสูงสุดในอุตสาหกรรมรถโดยสาร อายุการใช้งานของแบตเตอรี่คือ 15 ปี และวิ่งได้ระยะทาง 1.5 ล้านกิโลเมตร (930,000 ไมล์)
Contemporary Amperex Technology (CATL) เปิดเผยแบตเตอรี่รุ่นใหม่ในงานประชุมออนไลน์เมื่อเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยแบตเตอรี่ Tianxing-B จะมีการรับประกัน 10 ปีหรือ 1 ล้านกิโลเมตร (620,000 ไมล์) และด้วยระดับมาตรฐานการกันน้ำ IP69 แบตเตอรี่จึงสามารถอยู่ใต้น้ำได้นานถึง 72 ชั่วโมง
CATL วางแผนที่จะติดตั้งแบตเตอรี่ Tianxing-B ใหม่กับรถโดยสารรุ่นต่างๆ 80 รุ่น และได้สร้างความร่วมมือกับลูกค้า 13 รายแล้ว รวมถึง Dongfeng, Golden Dragon และ Yutong Bus
เนื่องจาก CATL ใช้ชื่อภาษาอังกฤษที่แตกต่างกัน สำหรับ แบตเตอรี่Tianxing- B บางครั้งจึงเรียกว่าTianxing B us Edition หรือ Tianxing B-series ก่อนหน้านี้บริษัทได้ใช้ชื่อแบรนด์ว่าTianxing มาตลอด จนในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ล่าสุดที่ประเทศเยอรมนี CATL เรียกชื่อ แบรนด์นี้ว่าTectrans
Tianxing เป็นแบรนด์ของ CATL สำหรับแบตเตอรี่ EV ที่ใช้กับรถเพื่อการพาณิชย์ โดยแบรนด์ใหม่นี้เปิดตัวเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์แรกภายใต้แบรนด์ Tianxing คือแบตเตอรี่ Tianxing – Lที่ใช้กับรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก Tianxing-L รุ่นระยะไกลมี ความจุ 200 kWhความหนาแน่นของพลังงาน 200 Wh/kg และรับประกัน 8 ปีหรือ 800,000 กม. นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จเร็ว 4C ซึ่งช่วยให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้ 60% ในเวลา 12 นาที
CATL มีส่วนแบ่งการตลาดเกือบ 50% ในการขายแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในปี 2024 (มกราคม-สิงหาคม) นอกจากนี้ บริษัทยังระบุว่าแบตเตอรี่ของบริษัท ยังถูกนำไปใช้จ่ายไฟให้กับรถโดยสารมากกว่า 385,000 คันทั่วโลกอีกด้วย
CATL ประกาศว่าการผลิตแบตเตอรี่ Tianxing-B จำนวนมากจะเริ่มขึ้นในเร็วๆ นี้โดยจะไม่ให้รายละเอียดเพิ่มเติม ความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่ของ CATL ในครั้งนี้ เป็นการส่งสัญญาณอีกครั้งว่า รถยนต์ไฟฟ้าสำหรับบุคคลทั่วไปที่มีขนาดเล็กกว่า น่าจะมีแนวโน้มการใช้งานที่ยาวนานขึ้น มีราคาจำหน่ายลดลงไปอีก จากการที่เทคโนโลยีแบบเดิมถูกทดแทน และอาจจะมีค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าของต่ำลง จากความทนทานของแบตเตอรี่ ที่ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น และการรับประกันจากผู้ผลิตที่ยาวนานกว่าเดิม