Isuzu อันดับ 1 ใน 37 ประเทศ (ตลาดรถเชิงพาณิชย์) ทดสอบ D-MAX เพิ่ม ตีตลาดยุโรป

แม้ว่า Isuzu ในเมืองไทย จะสร้างผลงานได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยการเตรียมขึ้นเป็นแชมป์ยอดขายรถยนต์สูงสุดในประเทศ เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน แต่ในต่างประเทศ ถ้าไม่นับตลาดรถบรรทุก หรือรถเชิงพาณิชย์ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ Isuzu ถือว่ากำลังอยู่ในช่วงแรกๆ ของการเข้าไปเปิดตลาดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย ตลาดรถกระบะขนาดกลางอันดับ 2 ของโลก ที่ Isuzu ก็เพิ่งเข้าไปทำตลาดเมื่อราว 11-12 ปีก่อน ส่วนตลาดสหราชอาณาจักร Isuzu ก็เพิ่งฉลองครบรอบ 10 ปี ไปเมื่อกลางปีนี้ พร้อมยอดขายสะสมของ D-MAX ที่เกือบ 50,000 คัน นับตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา ในคลิปนี้ เราจะพูดถึง 2 ส่วนด้วยกัน ส่วนแรกจะเป็นภาพรวมของ Isuzu ในตลาดโลก และในส่วนที่ 2 จะเป็นผลการทดสอบความปลอดภัยจากการชนล่าสุด ของ D-MAX ในตลาดยุโรป ซึ่งถือว่าเป็นการเดินเกมเจาะตลาดนี้ ไปอีกสเต็ปหนึ่ง

หากเทียบกับ Toyota Hilux หรือ Ford Ranger แล้ว Isuzu D-MAX มักจะถูกมองว่า เป็นรถกระบะขนาดกลางที่มีจำหน่ายในไทยและอีกไม่กี่ประเทศเท่านั้น ซึ่งจะว่าไปแล้ว ก็ถือว่ามีส่วนที่เป็นความจริง เพราะในประเทศไทยเพียงตลาดเดียว Isuzu ทำยอดขายรถเชิงพาณิชย์ ได้สูงถึง 173,000 คัน ในปี 2021 จากยอดขายทั่วโลกทั้งหมด ที่ราว 570,000 คัน ทำให้ตลาดเมืองไทย คิดเป็นสัดส่วนถึง 30% ของจำนวนรถยนต์ที่จำหน่ายไปได้ทั้งหมด และส่วนใหญ่ อย่างที่ทราบกัน เป็นยอดขายที่มาจากรถกระบะยอดนิยมของตลาด ซึ่งก็คือ D-MAX และนั่นจึงทำให้ Isuzu ให้ความสนใจตลาดอื่นๆมากขึ้น โดยเฉพาะออสเตรเลีย อย่างไรก็ตาม รถกระบะขนาดกลาง นอกจากไทย ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกาแล้ว ความนิยมใช้งาน เมื่อเทียบกับรถยนต์ประเภทอื่นๆ ถือว่ายังมีอยู่น้อย ฉะนั้น จำนวนประเทศที่ทำตลาดรถกระบะขนาดกลาง ได้เป็นกอบเป็นกำจริงๆ จึงมีเพียงไม่กี่ตลาดเท่านั้น นั่นส่งผลให้ค่ายรถยนต์ ที่มีรถยนต์หลากหลายรุ่นกว่า อย่าง Toyota และ Ford จึงสามารถจำหน่ายรถกระบะ ผ่านทางช่องทางการตลาดที่มีอยู่ก่อนแล้ว อย่างไรก็ตาม จากรายงานผลประกอบการทางธุรกิจของบริษัท ประจำปี 2021 Isuzu ทำตลาดผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เน้นไปที่รถเชิงพาณิชย์ ได้มากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก โดยสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ในเซกเมนต์ของรถยนต์เชิงพาณิชย์ ที่มีทั้งรถบรรทุกขนาดต่างๆ และรถกระบะขนาดเล็ก อย่าง D-MAX รวมกว่า 37 ประเทศ ตามที่จะแสดงให้เห็นต่อไป แต่ในแง่ของยอดขายแล้ว แม้ว่ายอดขายในไทย จะสูงกว่าญี่ปุ่นถึง 3 เท่าตัว แต่เม็ดเงินที่ทำได้ กลับต่ำกว่า ซึ่งเกิดจากราคาเฉลี่ยต่อคันในญี่ปุ่น ที่สูงกว่านั่นเอง เพราะรถยนต์ที่จำหน่ายในญี่ปุ่น จะมีเพียงรถเชิงพาณิชย์ที่เป็นรถบรรทุกเท่านั้น โดยที่ไม่มีรถกระบะอย่าง D-MAX จำหน่าย หรือหากมี ก็เป็นจำนวนที่น้อยมาก โดยรายได้รวมทั้งโลกของ Isuzu ในปี 2021 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 2,500,000 ล้านเยน หรือราว 637,000 ล้านบาท โดยมีพนักงานทั้งหมด 44,299 คน เป็นพนักงานในประเทศญี่ปุ่นมากถึง 64.8% ซึ่งจากภาพรวมล่าสุดทั้งหมด จะเห็นว่า Isuzu เป็นที่รู้จักทั่วโลก แต่จะมีชื่อเสียงในเรื่องรถเชิงพาณิชย์ขนาดกลาง ไปจนถึงขนาดใหญ่มากกว่า โดย 37 ตลาด ที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 จะอยู่ในเซกเมนต์ของรถเชิงพาณิชย์ ที่เป็นรถบรรทุกในทุกขนาด และรถกระบะขนาดกลาง ซึ่งหมายถึงรถกระบะ Pure Pickup อย่าง D-MAX และรถกระบะดัดแปลงหรือ PPV อย่าง MU-X

การขยับตัวล่าสุดในยุโรป ด้วยการเข้าทดสอบความปลอดภัยจากการชน โดย Euro NCAP ถือว่าเป็นการยกระดับการแข่งขันไปอีกขั้น ซึ่งแม้ว่าจะเป็นตลาดที่เล็ก เมื่อเทียบกับเมืองไทย ออสเตรเลีย หรือสหรัฐอเมริกา แต่นั่นก็เป็นการขยายตลาดให้ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งยังหมายถึงภาพลักษณ์ ของการเป็นรถรุ่น Global Model อีกด้วย

การทดสอบความปลอดภัยจากการชนครั้งล่าสุดนี้ เป็นการทดสอบเพิ่มเติมจากการทดสอบในปี 2020 จากการที่ Isuzu ได้ปรับปรุงระบบความปลอดภัยให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะการปรับปรุงถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่า ซึ่งผลการทดสอบในปี 2022 จะมีการทดสอบการชนด้านหน้า เพิ่มเข้าไปในผลการทดสอบในปี 2020 ฉะนั้น ในวิดีโอที่นำมาแสดง จะมีทั้งการทดสอบในปี 2020 และปี 2022 รวมกัน

ผลการทดสอบล่าสุดนี้ Isuzu D-MAX ปี 2022 รุ่น Crew Cab หรือ Double Cab 4 ประตู ขุมพลังดีเซล 1.9 ลิตร พวงมาลัยขวา ได้รับเรตติ้งระดับสูงสุด 5 ดาว โดยได้รับคะแนนความปลอดภัยของผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ 86% ความปลอดภัยของผู้โดยสารเด็ก 86% เช่นกัน ความปลอดภัยของคนเดินถนน 69% และระบบช่วยเหลือด้านความปลอดภัย 83%

การได้รับเรตติ้ง 5 ดาวจาก Euro NCAP น่าจะช่วยให้การทำตลาดในยุโรปของ D-MAX โฉมใหม่ ทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งในตลาดแห่งนี้ Isuzu ได้สร้างความแตกต่าง ด้วยการร่วมมือกับ Third Party เช่น Arctic Trucks ในการเปิดตัว D-MAX AT35 ที่มาพร้อมการแต่งโฉมให้ดุดันมากขึ้น หรือการมีของแต่งต่างๆ เพิ่มเติมเข้ามา ซึ่งไม่มีวางจำหน่ายในตลาดอื่น รวมถึงเมืองไทย โดยหลังจากนี้ ต้องจับตาดูกันต่อว่า Isuzu จะสร้างการรับรู้ในตลาดต่างๆ มากขึ้นได้แค่ไหน โดยเฉพาะในช่วงที่เริ่มมีการเปลี่ยนผ่าน จากยุคของรถยนต์ใช้น้ำมัน ไปสู่ยุคของรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์พลังงานใหม่ ที่เชื่อว่า เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เมืองไทย ก็ยังน่าจะเป็นตลาดหลักของ Isuzu ไปอีกนาน

[yourchannel video=”0JQyBhJCGR4″ autoplay=”1″ show_comments=”1″]