ในปีที่ผ่านมา บริษัทต่างๆทั่วโลก ได้พบกับความยากลำบากตลอดทั้งปี จากผลกระทบของการแพร่ระบาด ของโรคโควิด 19 ทำให้ยอดขายรถยนต์ ลดลงกันถ้วนหน้า แต่สำหรับยอดขายในเดือนสุดท้ายของปี คือธันวาคม หรือเดือนที่เพิ่งผ่านมา ดูเหมือนว่า จะมีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย สำหรับค่ายรถยนต์ต่างๆ ซึ่งวันนี้ Toyota Motor ประเทศไทย ได้ทำการแถลงยอดขายรถยนต์ประจำปี 2563 และคาดการณ์ตลาดรวม ในปี 2564
โดยยอดขายรถยนต์รวมในประเทศไทย ในปี 2563 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ ได้รับผลกระทบอย่างมาก จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้ยอดขายลดลง 21.4% โดยมียอดขายอยู่ที่ 792,146 คัน ในขณะที่ในปี 2564 นี้ จะเป็นปีที่ท้าทายอีกครั้ง สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย เนื่องจากยังคงต้องเผชิญกับหลายปัจจัย จากทั้งสถานการณ์การระบาด ของโรคโควิด-19 ที่ยังมีอยู่ การพัฒนาวัคซีน และการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 รวมถึงแนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากทางภาครัฐ ทั้งหมดนี้ จะส่งผลต่อทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวต่างๆ ในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ กิจกรรมทางการตลาด และกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ จะมีบทบาทสำคัญ ต่อการกระตุ้นยอดขายรถยนต์ ดังนั้น เมื่อพิจารณาปัจจัยต่างๆเหล่านี้แล้ว จึงคาดการณ์ว่า ยอดขายรถยนต์ในปี 2564 จะอยู่ที่ประมาณ 850,000 – 900,000 คัน เพิ่มขึ้น 7-14% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา”
สำหรับตลาดรถกระบะดัดแปลงหรือ PPV เป็นที่ทราบกันเป็นอย่างดีว่า Toyota Fortuner ได้ครองอันดับ 1 มาโดยตลอด ชนิดที่เรียกว่าผูกขาดเลยก็ว่าได้ ที่แม้แต่อันดับ 2 อย่าง Mitsubishi Pajero Sport ทำได้ดีที่สุด ก็เพียงแต่เข้าใกล้เท่านั้น จนมาถึงเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน ตรีเพชรอีซูซุ ได้ประกาศตัวเลขยอดจอง ของ Isuzu MU-X ว่ามียอดจองสูงกว่า 7,000 คัน ในระยะเวลาเพียง 1 เดือนเศษ เรียกเสียงฮือฮาในวงการรถยนต์ได้มาก เพราะทำให้มีการคาดการณ์ว่า ยอดขาย PPV ในเดือนธันวาคม All-New Isuzu MU-X จะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในด้านยอดขายของเมืองไทยได้ ทดแทน Toyota Fortuner แชมป์ตลอดกาล ที่ไม่มีใคร กล้าแม้แต่จะคิดว่า จะถูกโค่นล้มลงไปได้
แต่ล่าสุด Toyota ได้ออกมายืนยันเองแล้วว่า MU-X สามารถแซง Fortuner ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในตลาดรถ PPV ได้ โดยมียอดขายในเดือนธันวาคมที่่ผ่านมา ที่ 2,806 คัน กับส่วนแบ่งตลาด ถึง 37.4% เฉือน Fortuner ไปได้ อย่างเฉียดฉิว ซึ่งทำได้ที่ 2,709 คัน กับส่วนแบ่งตลาด ที่ 36.1% โดยมี Mitsubishi Pajero Sport และ Ford Everest ตามมาห่างๆ เป็นอันดับ 3 และ 4 ตามลำดับ ในขณะที่ Nissan Terra น้องใหม่รายล่าสุด ยังมีอาการที่น่าเป็นห่วง คือจำหน่ายไปได้ เพียง 23 คันเท่านั้น ส่วน Chevrolet ที่ถอนตัวจากตลาดเมืองไทยไปแล้ว ไม่สามารถจำหน่าย Trailblazer ไปได้แม้แต่คันเดียว จากการหยุดทำตลาด และระบายสต็อกไปแล้วนั่นเอง
ตลาดรถกระบะดัดแปลง PPV ประจำเดือนธันวาคม 2563
ปริมาณการขาย 7,512 คัน เพิ่มขึ้น 38.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน
อันดับที่ 1 Isuzu MU-X 2,806 คัน เพิ่มขึ้น 265.4% ส่วนแบ่งตลาด 37.4%
อันดับที่ 2 Toyota Fortuner 2,709 คัน เพิ่มขึ้น 25.2% ส่วนแบ่งตลาด 36.1%
อันดับที่ 3 Misubishi Pajero Sport 1,118 คัน ลดลง 17.5% ส่วนแบ่งตลาด 14.9%
อันดับที่ 4 Ford Everest 856 คัน เพิ่มขึ้น 21.8% ส่วนแบ่งตลาด 11.4%
อันดับที่ 5 Nissan Terra 23 คัน ลดลง 84.0% ส่วนแบ่งตลาด 0.3%
อันดับที่ 6 Chevrolet Trailblazer 0 คัน ลดลง 100.0% ส่วนแบ่งตลาด 0.0%
อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมทั้งปี Toyota Fortuner ก็ยังมียอดขายสะสมสูงที่สุด คืออยู่ที่ 19,742 คัน ในขณะที่ Isuzu MU-X ถูกทิ้งห่างมากกว่าเท่าตัว คือทำได้ที่ 8,139 คัน ตามมาเป็นอันดับ 3 ส่วนอันดับ 2 ยังคงเป็นของ Mitsubishi Pajero Sport ซึ่งนำห่างอันดับ 3 ไม่มากนัก คือมียอดขายอยู่ที่ 9,342 คัน ส่วน 3 อันดับสุดท้าย ได้แก่ Ford Everest Nissan Terra และ Chevrolet Trailblazer ตามลำดับ
ตลาดรถกระบะดัดแปลง PPV มกราคม-ธันวาคม 2563
ปริมาณการขาย 44,576 คัน ลดลง 26.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน
อันดับ 1 Toyota Fortuner 19,742 คัน ลดลง 24.7% ส่วนแบ่งตลาด 44.3%
อันดับ 2 Misubishi Pajero Sport 9,342 คัน ลดลง 31.1% ส่วนแบ่งตลาด 18.3%
อันดับ 3 Isuzu MU-X 8,139 คัน ลดลง 14.1% ส่วนแบ่งตลาด 18.3%
อันดับ 4 Ford Everest 5,343 คัน ลดลง 15.9% ส่วนแบ่งตลาด 12.0%
อันดับ 5 Nissan Terra 1,338 คัน ลดลง 23.7% ส่วนแบ่งตลาด 3.0%
อันดับ 6 Chevrolet Trailblazer 672 คัน ลดลง 78.3% ส่วนแบ่งตลาด 1.5%
แม้ว่าตลาด PPV จะถือว่ามีขนาดเล็กมาก เมื่อเทียบกับตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทย อย่างรถกระบะปิกอัพ แต่ในแง่ของศักดิ์ศรี และจิตวิทยาแล้ว ถือว่า Toyota ถูกลูบคม โดยคู่แข่งตัวฉกาจที่สุดของบริษัท อย่าง Isuzu ที่นอกจากจะสามารถสร้างปรากฏการณ์ ในตลาด PPV ในเดือนสุดท้ายของปีได้แล้ว ยังมียอดขายรถกระบะในปีที่ผ่านมา สูงมาเป็นอันดับ 1 ถึง 160,328 คันอีกด้วย ทิ้งห่าง Toyota Hilux Revo ไปแบบไม่มีให้ลุ้น ซึ่งทำได้ที่ 129,893 คัน และการแข่งขันที่ใกล้เคียง ในตลาด PPV นี้ ก็อาจจะไม่จบง่ายๆ เพราะยังเหลือยอดจอง MU-X อีกกว่า 4,000 คัน ที่ยังมีลุ้นว่า ในเดือนมกราคมของปีนี้ MU-X จะสามารถเปลี่ยนมาเป็นยอดขายที่แท้จริง ได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งยอดจองระดับนี้ ทำให้ MU-X มีโอกาส ที่จะยังรักษาอันดับ 1 ไว้ได้ต่อไป แต่ที่น่าลุ้นที่สุด ก็คือยอดขายของเดือนกุมภาพันธ์ ที่สถานการณ์ต่างๆ อาจจะกลับมาว่าสู่สภาวะปกติ ซึ่งในตอนนั้น เราน่าจะเห็นการแข่งขันในตลาดนี้ว่า Isuzu MU-X จะสามารถพลิกโลก ได้เหมือนฝาแฝดคนละทรง อย่าง Isuzu D-MAX ได้หรือไม่
การพ่ายแพ้ให้กับ Isuzu ในตลาด PPV แม้ว่าจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็ถือว่ามีนัยยะสำคัญ อยู่มากพอสมควร อย่างแรกก็คือ มุมมอง หรือพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของกลุ่มเป้าหมาย ที่กล้าสวนกระแส ด้วยการเลือกซื้อ Isuzu MU-X มากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งต้องยอมรับด้วยว่า ปัจจัยหลัก มาจากการปรับโฉมใหม่หมดทั้งคัน ก่อนที่จะมีการกระตุ้นยอดขายครั้งใหญ่ ในงานแสดงรถยนต์ Motor Expo 2020 นอกจากนั้น ยังเป็นการสะท้อนอีกว่า การครอบคลุมของศูนย์บริการ ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา ของทั้ง Isuzu และ Toyota ก็คงไม่ต่างกันมาก ทำให้ความสดใหม่ และอ็อปชั่นที่ให้มา รวมถึงราคา เป็นปัจจัยหลัก ต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์
อย่างที่สองก็คือ กลยุทธ์ในการทำตลาดของ Isuzu มีประสิทธิภาพ เหมือนกับที่ใช้ในตลาดรถกระบะ ซึ่งที่ผ่านมา เชื่อว่าหลายคน อาจจะมีข้อสงสัยว่า ในเมื่อ Isuzu สามารถจำหน่าย D-MAX ได้แบบถล่มทลาย แต่ทำไมรถ PPV ที่ใช้พื้นฐานมาจาก D-MAX กลับมียอดขาย ที่ตามหลัง Fortuner อยู่มาก ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า fortuner เป็นรถที่มีการออกแบบที่สวยงาม ถูกใจตลาดส่วนใหญ่ ยิ่งมีการเปิดตัวรุ่นพิเศษ อย่าง Legender เมื่อไม่นานมานี้ ก็ยิ่งทำให้ Toyota มั่นใจว่า จะสามารถควบคุมตลาดนี้ ได้อยู่หมัด นั่นทำให้อ็อปชั่นต่างๆที่ให้มา จึงน้อยกว่าคู่แข่งรายอื่นๆในตลาด
หลังจากนี้ จึงน่าจับตามองต่อไปว่า Toyota จะมีปฏิกิริยาตอบสนอง ในเรื่องนี้อย่างไร จะเพิ่มอ็อปชั่น หรือลดราคา Fortuner ลง หรือไม่ หรือรอดูสถานการณ์สักพัก เพื่อให่แน่ใจว่า การเพิ่มขึ้นของยอดขาย MU-X จะเกิดขึ้นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ หรือไม่ แต่ไม่ว่า MU-X จะสามารถขึ้นมาเป็นอันดับ 1 หรือแม้แต่อันดับ 2 ในตลาดรถ PPV ได้อย่างถาวรหรือไม่ แต่เชื่อว่าการทำลายด่านสำคัญของ Toyota ที่เป็นอันดับ 1 มาโดยตลอด เป็นการส่งสัญญาณออกมาดังๆว่า ไม่มีอะไรที่แน่นอนอีกต่อไป และผู้บริโภคในยุคนี้ มีความคิดที่เปลี่ยนไปจากเดิม และสามารถเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองได้ โดยมีข้อมูลต่างๆรอบด้าน ดีกว่ายุคเดิมๆที่ผ่านมา