ผ่านมาแล้วเกือบครึ่งทาง หรือ 6 วัน นับวันรอบสื่อมวลชนเข้าไปด้วย สำหรับงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 39 หรือ Motor Expo 2022 การจองรถยนต์และรถจักรยานยนต์ยังคึกคักต่อเนื่อง โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า ที่น่าจะเรียกได้ว่า เป็นการเริ่มต้นของยุคทองในเมืองไทย โดยเฉพาะหลังจากค่ายดัง BYD และตัวแทนจำหน่าย Rever Automotive ได้เข้ามาลงทุนสร้างโรงงานประกอบขึ้นที่นี่ อย่างไรก็ตาม ขาใหญ่อย่าง Toyota Isuzu Honda ล้วนดาหน้าขึ้นมาอยู่บนหัวตารางในด้านจองสะสมล่าสุด และต้องย้ำให้ทราบทุกปีว่า ยอดจองนี้ ไม่ได้ตรงกับยอดจองที่แท้จริง เพราะเป็นยอดคำนวนจากรายการ ซื้อรถ…ชิงรถ ซึ่งหากผู้จองไม่มีการให้ข้อมูลในส่วนนี้กับผู้จัดงาน ข้อมูลการจองก็จะหายไป ฉะนั้นยอดจองตามความเป็นจริง จะมีเพียงค่ายรถยนต์แต่ละค่ายเท่านั้นที่ทราบ เว้นเสียแต่ว่ามีการเปิดเผยยอดจองที่แท้จริงให้กับทางผู้จัดงานทราบเอง
สำหรับยอดจองสะสม 6 วันแรก อยู่ที่ 3,169 คัน สูงสุดกว่าทุกวันที่ผ่านมา ซึ่งยอดจองมีการเติบโตมากขึ้นมาตั้งแต่วันแรก Toyota ยังนำมาเป็นอันดับ 1 ที่ 2,308 คัน ตามมาด้วย Honda 1,261 คัน ส่วน Isuzu ที่มีจำหน่ายหลักๆเพียง 2 รุ่น มียอดจองอยู่ที่ 1,261 คัน และเป็นอีกครั้งที่ Isuzu สามารถทำยอดจองรายวันพุ่งขึ้นมาเป็นอันดับ 2 เรียกว่าเบียดกันกับ Honda มาแบบสูสี ที่น่าจะได้ลุ้นกันไปจนถึงวันสุดท้าย ที่น่าสนใจก็คือ BYD ที่เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นานมานี้ ทำยอดจองสะสมเป็นอันดับ 5 ตามหลัง Nissan เพียงหลักสิบคัน นำทั้ง Suzuki Ford Mitsubishi MG Mazda GWM มาได้ ถือว่ามาแบบฟอร์มยักษ์ การจัดแสดงรถรุ่นใหม่อีกถึง 6 รุ่นในงาน ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของ BYD ดูน่าเชื่อถือมากขึ้นไปอีก ส่งผลกับยอดจองในทางอ้อม อีกค่ายที่น่าสนใจก็คือ Neta ที่มียอดจองสะสมอยู่ที่ 146 คัน หลังจากที่เพิ่งมีความชัดเจนในเรื่องการทำ MOU และส่งมอบ ก่อนงานเริ่ม แต่ก็ถือว่าเสียโอกาสให้กับ BYD ไปไม่น้อย
ในส่วนของยอดจองสะสมของมอเตอร์ไซค์ Lambretta นำโด่งมาที่ 761 คัน ตามมาห่างๆโดย EM ที่ 226 คัน ส่วนแบรนด์ดังอย่าง Yamaha อยู่ในอันดับ 3 ที่ 180 คัน ตามมาติดๆโดย Royal Enfield ที่ 157 คัน โดยยอดจองรวมในวันที่ 6 อยู่ที่ 354 คัน ลดลงมาจากวันก่อนหน้าพอสมควร ซึ่งอยู่ที่ 423 คัน
ภาพรวมจากทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ ดูเหมือนรถไฟฟ้ากำลังมีบทบาทในตลาดมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และไทยเอง ก็เป็นตลาด EV ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และมีการเติบโตอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด แม้แต่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าตลาดมานานหลายสิบปี ก็ยังปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงได้ไม่ทันการณ์ ทำให้ต้องเสียส่วนแบ่งทางการตลาดให้กับค่ายจีนไปแบบแทบจะไม่มีการตอบโต้ เพราะสินค้าที่มีอยู่ในมือก็ยังไม่พร้อมลงสู่ตลาดในตอนนี้ งานนี้ต้องจับตาดูกันยาว และได้ลุ้นวันต่อวัน ว่าค่ายสุดฮ็อตในตลาดอย่าง BYD จะสามารถกวาดยอดจองไปได้มากแค่ไหน
[yourchannel video=”oS_V-4vJEa4″ autoplay=”1″ show_comments=”1″]