ทางเลือกนี้..อาจไม่ขายในไทย! All-New 2023 Ford Ranger Raptor เครื่องยนต์ดีเซลไบเทอร์โบ 2.0 ลิตร

เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย เมื่อ Ford ประเทศไทย ประกาศยอดจองรถยนต์ ในช่วงงานมอเตอร์โชว์ 2022 ที่เพิ่งปิดฉากลงไปหมาดๆ เพราะรถยนต์รุ่นที่ได้รับการสั่งจองมากที่สุด กลับเป็นรุ่นที่มีราคาสูงที่สุด อย่าง All-New Ford Ranger Raptor ที่ 1,610 คัน ในขณะที่ Ranger รุ่นมาตรฐาน มียอดจองทั้งรุ่น Sport และ Wildtrak รวมกัน อยู่เพียงที่ 979 คัน ส่วน PPV อย่าง All-New Everest ทำได้ไม่เลว ที่ 914 คัน รวมเป็น 3,503 คัน เรียกว่า เกือบครึ่งหนึ่งของยอดจองทั้งหมด เป็นของรถกระบะสมรรถนะสูง อย่าง Ranger Raptor ที่มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,869,000 บาท เป็นการสะท้อนว่า ลูกค้าจำนวนไม่น้อย พร้อมจ่ายเงินซื้อในราคานี้ แลกกับสมรรถนะความเท่ที่ได้มา ถือว่าไม่เกินความคาดหมาย เพราะในตอนที่มีการประกาศราคาออกมา กลุ่มเป้าหมายมองว่า เป็นราคาที่ดีกว่าที่คาดการณ์เอาไว้

เดิมที่ ในเจนเนอเรชั่นก่อน Ranger Raptor ถือว่าเป็นรถเฉพาะกลุ่ม จากราคาที่สูงกว่ารถกระบะทั่วไปอยู่มาก แม้ว่าจะมีสมรรถนะที่สูงกว่าตามราคา แต่สำหรับ Ranger Raptor เจนเนอเรชั่นล่าสุด สมรรถนะที่ 397 PS กับราคาที่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท ถือว่าเป็นอะไรที่ตัดสินใจได้ไม่ยาก ไม่นับรวมประสิทธิภาพในการขับขี่อื่นๆ ของรถกระบะรุ่นนี้ การตัดสินใจทำตลาดเมืองไทย ด้วยขุมพลังเบนซิน V6 ความจุ 3.0 ลิตร จึงเป็นเรื่องที่ถูกที่ถูกเวลา อย่างไรก็ตาม Ford ยังมีอีกหนึ่งขุมพลัง ที่จะทำตลาดในบางประเทศ ซึ่งเครื่องยนต์เบนซิน V6 อาจจะไม่เหมาะกับตลาด นั่นก็คือ เครื่องยนต์ดีเซลไบเทอร์โบ ความจุ 2.0 ลิตร 213 PS แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร จากการเปิดเผยของ Dave Burn หัวหน้าทีมวิศวกร ที่พัฒนา Ford Ranger Raptor

การให้ข้อมูลล่าสุด เกี่ยวกับการทำตลาด Ranger Raptor ของผู้บริหาร Ford มีนัยยะบางอย่างที่น่าสนใจ เพราะเดิมที่ เราคาดว่า Ford อาจจะเลือกเปิดตัว Ranger Raptor รุ่น flagship อย่างรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน V6 ก่อน ก่อนที่จะปล่อยทางเลือกที่ 2 อย่างขุมพลังดีเซลไบเทอร์โบ 2.0 ลิตร ตามออกมาในปีต่อไป เพื่อขยายตลาดให้มากขึ้น แต่จากการให้สัมภาษณ์ล่าสุด ดูเหมือนว่า ขุมพลังบล็อคหลัง จะถูกทำตลาดในประเทศที่่ไม่มี Ranger Raptor V6 จำหน่าย นั่นหมายความว่า บางตลาดอย่างไทย หรือออสเตรเลีย อาจจะมีเพียง Ranger Raptor V6 จำหน่ายเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น ซึ่งยอดจองล่าสุด ก็ช่วยสนับสนุนแนวทางนี้ไปโดยปริยาย ว่ารถกระบะสมรรถนะสูงรุ่นนี้ สามารถทำตลาดได้ดีกว่าที่คิด และอาจจะไม่มีความจำเป็น ที่จะต้องนำรุ่นที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่า มาจำหน่ายอีกต่อไป ซึ่งอาจจะเป็นการทำลายภาพลักษณ์ ของคนที่ได้ซื้อรุ่น V6 ไปแล้วด้วยซ้ำ

เรื่องที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ การที่ยอดจองของ Ranger Raptor โฉมใหม่ มีสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของยอดจอง Ford ที่เกิดขึ้นในช่วงงานมอเตอร์โชว์ ซึ่งเป็นยอดจองที่รวมนอกงานในช่วงนั้นเอาไว้ด้วย เป็นการพิสูจน์ได้ในระดับหนึ่งว่า ตลาดรถกระบะสมรรถนะสูง มีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ดี และมีกลุ่มเป้าหมายจำนวนไม่น้อย ที่ยอมจ่ายเงิน เพื่อซื้อรถกระบะราคาเกือบ 2 ล้านบาท ตราบใดที่พบว่า สิ่งที่จะได้รับกลับมา คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป งานนี้ น่าจะช่วยกระตุ้นให้คู่แข่งรายอื่นๆของ Ford ในตลาด กลับไปคิดพิจารณา ในการทำตลาดรถกระบะแรงหรูอีกครั้ง ว่าทางเลือกนี้ น่าจะเป็นแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นในไทยและอีกหลายประเทศ ที่บริษัทไม่ควรจะตกขบวน