ดูก่อนจอง! พรีวิว All-New 2023 Ford Ranger Raptor โฉมใหม่ พลัง EcoBoost V6 สุดไปทุกทาง

Ford เผยโฉม Ranger Raptor NexGen เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ของรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูง

  • สุดยอดสมรรถนะจากเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร EcoBoost V6 เทอร์โบคู่ มอบพละกำลังถึง 397 PS และแรงบิด 583 นิวตันเมตร สู่สมรรถนะเหนือระดับทั้งบนทางเรียบและเส้นทางออฟโรด
  • ระบบท่อไอเสียแบบแปรผันควบคุมไฟฟ้าครั้งแรกในรถกระบะ ให้ผู้ขับขี่ปรับเสียงเครื่องยนต์ตั้งแต่โหมดนุ่มนวลไปจนถึงเสียงกระหึ่มเร้าอารมณ์
  • พร้อมลุยทุกสภาพพื้นผิวด้วยโหมดการขับขี่ 7 โหมด และระบบช่วงล่างที่ปรับแต่งใหม่ด้วยโช้คอัพ FOX แบบไลฟ์ วาล์ว Internal Bypass ขนาด 2.5 นิ้ว ที่พัฒนาโดยทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ ตะลุยออฟโรดได้ดียิ่งกว่าเดิม ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา
  • เกียร์ทรานสเฟอร์ควบคุมไฟฟ้าใหม่ล่าสุดที่ปรับได้ตามต้องการ และระบบดิฟล็อก 4 ล้อ ครั้งแรก

ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี เผยโฉม ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์เจเนอเรชั่นใหม่ ครั้งแรกอย่างเป็นทางการ โดยรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูงรุ่นที่สอง ได้รับการพัฒนาขึ้น เพื่อพร้อมตะลุยไปในทะเลทราย พิชิตภูเขาสูงชัน และทุกสภาพเส้นทางหฤโหดยิ่งกว่าเดิม พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ ในตลาดรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูง เพื่อผู้หลงใหลการขับขี่ออฟโรดตัวจริง

ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ได้รับการพัฒนาโดยทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ ให้เป็นที่สุดแห่งรถกระบะออฟโรดที่ทรงพลังที่สุดในตระกูลเรนเจอร์ ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ทันสมัยมากขึ้น ควบคุมการทำงานของตัวถังที่แข็งแกร่งและเหนือชั้นยิ่งขึ้น ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ จึงเป็นรถกระบะตระกูลเรนเจอร์ ที่อัดแน่นด้วยสมรรถนะขั้นสูงสุดเท่าที่ฟอร์ดเคยพัฒนา

ข่าวใหญ่ที่สุดสำหรับแฟนรถสมรรถนะสูง นั่นคือการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร EcoBoost V6 เทอร์โบคู่ ที่มอบกำลังสูงสุดถึง 391.6 แรงม้า ที่ 5,650 รอบต่อนาที และแรงบิด 583 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบต่อนาที ขณะที่เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ 2.0 ลิตรจะยังคงมีอยู่ในฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ที่จะวางจำหน่ายในปี 2023 รายละเอียดรถสำหรับแต่ละประเทศจะแจ้งเมื่อใกล้ถึงกำหนดการเปิดตัว

เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร EcoBoost V6 เทอร์โบคู่ ใช้เสื้อสูบกราไฟต์ ที่มีขนาดกะทัดรัด เมื่อเทียบกับเสื้อสูบเหล็กหล่อทั่วไป จะมีความแข็งแรงมากกว่า ถึง 75 เปอร์เซ็นต์ และทนทานกว่า ถึง 75 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน โดยทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ ได้ออกแบบเพื่อให้เครื่องยนต์ตอบสนองกับการเร่งความเร็วได้อย่างฉับไว พร้อมระบบป้องกันการรอรอบ แบบที่ใช้ในรถแข่ง เพื่อมอบอัตราเร่งทันใจ

ระบบป้องกันการรอรอบ (Anti-Lag System – ALS) เป็นส่วนหนึ่งของโหมดบาฮา ในฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ จะรักษาการหมุนของเทอร์โบชาร์จเจอร์ ที่ความเร็วสูงต่อไป อีกถึง 3 วินาที หลังจากผู้ขับขี่ปล่อยคันเร่ง รถจึงคืนความเร็วได้ทันใจ ขณะเร่งออกจากทางโค้ง หรือระหว่างการเปลี่ยนเกียร์

เครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่ จะทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ซึ่งเกียร์แต่ละสปีด ได้รับการตั้งค่าเฉพาะตัวแตกต่างกัน ทำให้ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ พร้อมเอาชนะทุกเส้นทางหฤโหด ไม่ว่าจะเป็นกรวด ดินลูกรัง โคลน หรือทราย

และด้วยระบบท่อไอเสียควบคุมไฟฟ้า พร้อมโหมดปรับเสียง ให้เลือกได้ถึง 4 โหมด (ได้แก่ โหมดเงียบ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต และโหมดบาฮา) ผู้ขับขี่จึงปรับระดับความดังเสียงท่อไอเสียของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ ใหม่ ให้มีความนุ่มนวล ไปจนถึงเสียงกระหึ่มเร้าอารมณ์ ได้ตามต้องการ ผู้ขับขี่ สามารถเลือกระดับความดังของท่อไอเสียได้ เพียงกดปุ่มบนพวงมาลัย หรือเลือกโหมดการขับขี่ดังต่อไปนี้
โหมดเงียบ – ออกแบบมาเพื่อตั้งค่าให้ท่อไอเสียเงียบมากกว่าการอวดสมรรถนะ เหมาะสำหรับการสตาร์ทรถตอนเช้าตรู่ เพื่อลดเสียงรบกวนเพื่อนบ้าน หรือผู้คนในชุมชน
โหมดปกติ – สำหรับใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่ไม่ดังเกินไปสำหรับการขับบนท้องถนน โดยจะเป็นค่าเริ่มต้นกับการขับขี่โหมดปกติ โหมดถนนลื่น โหมดโคลน และโหมดหิน
โหมดสปอร์ต – มอบเสียงดังกระหึ่มขึ้น เมื่อต้องการเพิ่มความตื่นเต้นเร้าใจยิ่งขึ้น
โหมดบาฮา – โหมดเสียงที่อวดความแรงสูงสุด ทั้งความดังและความทุ้ม เสมือนระบบต่อตรง ออกแบบมาสำหรับการขับขี่ออฟโรดเท่านั้น

ความแกร่งเพื่อทุกสภาพแวดล้อมสุดหฤโหด

ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ใช้แชสซีอันเป็นเอกลักษณ์ แตกต่างจาก ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ โดยเพิ่มการประกอบอุปกรณ์เสริมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสาซี กระบะท้าย ล้ออะไหล่ ไปจนถึงโครงรถแบบพิเศษ ที่พร้อมรองรับแรงกระแทกจากกันชน ขายึดโช้ค และฐานยึดโช้คหลัง ทั้งหมดนี้ จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ พร้อมตะลุยไปบนเส้นทางออฟโรดสุดแสนหฤโหด

รถออฟโรดสมรรถนะสูง อย่างเรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ต้องใช้ช่วงล่างที่แกร่งเพียงพอ ช่วงล่างของรุ่นนี้ จึงได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ด้วยปีกนกบนและล่างใหม่ ที่ทำจากอลูมิเนียมที่แข็งแรง แต่มีน้ำหนักเบา รวมถึงระบบกันสั่นสะเทือน ที่มีระยะยืดยุบสูง พร้อมวัตต์ลิงก์ด้านหลัง ที่พัฒนามาเพื่อให้เจ้าของรถ ขับขี่ด้วยความเร็วสูง บนถนนขรุขระได้อย่างมั่นใจ

องค์ประกอบสำคัญของรถ ที่ทำหน้าที่รองรับแรงกระแทกจากลูกกระโดด และหลุมบ่อ คือระบบกันสะเทือน FOX แบบไลฟ์ วาล์ว Internal Bypass ขนาด 2.5 นิ้ว ที่ควบคุมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ช่วยลดการสะเทือน ตามการเคลื่อนไหวของรถ นับว่าได้ว่า ระบบกันสะเทือนนี้ ล้ำสมัยที่สุด เท่าที่เคยใช้ในฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ นอกจากนี้ ฟอร์ดยังเลือกใช้น้ำมันหล่อลื่น ผสม Teflon™ ที่ลดการเสียดสีลงได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รุ่นก่อนหน้านี้”

ขณะที่ส่วนฮาร์ดแวร์ผลิตโดย FOX แต่ทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ คือผู้รับหน้าที่ปรับจูนและพัฒนาโช้คอัพรุ่นนี้ โดยผสมผสานการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในงานด้านวิศวกรรม (Computer-Aided Engineering หรือ CAE) และการทดสอบรถในสถานการณ์จริง ตั้งแต่การปรับการทำงานของสปริง ไปจนถึงการกำหนดความสูง การปรับแต่งวาล์ว และการออกแบบระดับการยืด-หดของโช้ค เพื่อสร้างความสมดุลที่สมบูรณ์แบบที่สุด มอบทั้งความสะดวกสบาย การควบคุมรถ ความมั่นคง และการยึดเกาะถนนทั้งบนทางเรียบและเส้นทางออฟโรด

ระบบช่วงล่างแบบ ไลฟ์ วาล์ว Internal Bypass ยังได้รับการปรับแต่งให้มอบความสบายบนทางเรียบ และประสิทธิภาพการขับขี่ออฟโรดทั้งแบบความเร็วสูงและความเร็วต่ำได้ โดยทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่ใหม่ ที่ผู้ขับขี่เลือกได้เอง

นอกจากการทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่ต่างๆ แล้ว ระบบดังกล่าวยังเตรียมความพร้อมให้ตัวรถในการตะลุยพื้นที่ได้หลากหลาย โดยเมื่อโช้คได้รับแรงกด ระบบบายพาสจะทำงานเพื่อตอบสนองและช่วยซับแรงได้อย่างพอเหมาะ และผลักแรงกลับไปเมื่อโช้คมีการคืนตัวเต็มที่

ระบบป้องกันการหดตัวค้าง (Bottom-Out Control) ของ FOX ที่ได้รับการพิสูจน์จากสนามแข่ง ช่วยสร้างแรงหน่วงสูงสุด ในระยะ 25 เปอร์เซ็นต์สุดท้ายของการหดตัว เพื่อป้องกันไม่ให้โช้คค้าง ในทำนองเดียวกัน ระบบดังกล่าว ยังช่วยชะลอการหดตัวของโช้คหลัง เพื่อไม่ให้รถกระแทกแรงเกินไป ขณะเร่งความเร็ว เพิ่มความมั่นคงในการขับขี่มากขึ้น เมื่อระบบกันสะเทือน สร้างแรงหน่วงในปริมาณที่พอเหมาะ ในทุกการเคลื่อนไหวของรถ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ จึงยึดเกาะพื้นผิวได้ดี ทั้งบนถนน และเส้นทางสมบุกสมบัน

สมรรถนะในการฟันฝ่าเส้นทางที่ท้าทายของเรนเจอร์ แร็พเตอร์ ใหม่ ยังมาจากการติดตั้งแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถ ที่มีขนาดใหญ่เกือบ 2 เท่าของขนาดปกติ ที่ใช้กับฟอร์ด เรนเจอร์ อีกทั้งยังทำขึ้นจากเหล็กที่มีความแข็งแรง หนา 2.3 มิลลิเมตร เมื่อประกอบเข้ากับแผ่นปิดใต้เครื่องยนต์ และชุดเกียร์ จึงช่วยปกป้องชิ้นส่วนสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หม้อน้ำ ระบบบังคับเลี้ยว คานด้านหน้า อ่างน้ำมันเครื่อง และชุดเฟือง ได้อย่างดีเยี่ยม

ตะขอลากจูงคู่หน้าและหลัง ทำให้รถพร้อมลุยในเส้นทางออฟโรดทุกสถานการณ์ ให้ผู้ขับขี่เลือกใช้ตะขอใดตะขอหนึ่ง เป็นจุดยึดสายลากจูงได้ ในกรณีที่ตะขออีกด้าน เข้าถึงได้ยาก ขณะเดียวกัน ก็เพิ่มความสมดุล ด้วยการใช้สายลากจูงสองเส้น เพื่อดึงรถขึ้นจากหลุมทรายลึก หรือหล่มโคลนได้

ควบคุมดีเยี่ยมบนทุกสภาพถนน

นับเป็นครั้งแรกที่ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มาพร้อมระบบการขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะแบบตลอดเวลา โดยใช้ระบบเกียร์ไฟฟ้าใหม่ ที่ปรับได้ 2 ระดับ และยังมาพร้อมระบบควบคุมเฟืองท้ายคู่หน้าและหลัง แบบ locking differentials ครั้งแรก นับเป็นคุณสมบัติที่ตอบโจทย์คอออฟโรดตัวจริง

สิ่งที่ช่วยให้ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ พร้อมลุยทุกสภาพพื้นผิว ไม่ว่าจะเป็นทางเรียบ เส้นทางโคลน หรือทางลูกรัง คือโหมดการขับขี่ เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่หลากหลาย รวมไปถึงโหมดขับขี่ความเร็วสูง บนทางออฟโรด อย่าง ‘โหมดบาฮา’ ซึ่งระบบไฟฟ้าทั้งหมด ปรับให้มีประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด

ฟอร์ดต้องการให้โหมดบาฮาเป็นตัวแทนขั้นสุดของการขับขี่ออฟโรดความเร็วสูง ฟีเจอร์นี้เรียกได้ว่า เป็นหัวใจสำคัญ ที่ลูกค้า เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ใหม่ คาดหวัง โหมดการขับขี่แต่ละโหมด จะควบคุมการตั้งค่าการทำงานส่วนต่างๆของรถโดยละเอียด ตั้งแต่เครื่องยนต์ เกียร์ ความไวในการใช้ระบบเบรกอัตโนมัติ (ABS) การประมวลผล การยึดเกาะถนน ความมั่นคง ระบบท่อไอเสีย พวงมาลัย การตอบสนองต่อการเร่งเครื่อง ไปจนถึงการแสดงผล บนแผงหน้าปัดรถยนต์ และจอทัชสกรีน นอกจากนั้น สีของแผงหน้าปัด ยังปรับเปลี่ยนให้เข้ากับการขับขี่แต่ละโหมดอีกด้วย

โหมดการขับขี่ทางเรียบ
โหมดปกติ – ออกแบบมาเพื่อความสบาย ประหยัดเชื้อเพลิง และขับขี่สะดวก
โหมดสปอร์ต – ออกแบบมาให้ตอบสนองไวขึ้นสำหรับการขับขี่บนถนนอย่างสนุกสนาน
โหมดทางลื่น – ออกแบบมาให้ผู้ขับมีความมั่นใจในการขับขี่บนถนนลื่นหรือพื้นถนนที่ไม่สม่ำเสมอ

โหมดการขับขี่ออฟโรด
โหมดหิน – มอบการยึดเกาะ และการทรงตัวที่เหนือชั้น บนพื้นผิวที่ลื่นไถลได้ง่าย
โหมดทราย – สำหรับใช้ขับบนพื้นทราย หรือหิมะ เพิ่มประสิทธิภาพการส่งกำลัง และการเปลี่ยนเกียร์
โหมดโคลน – เพิ่มศักยภาพในการยึดเกาะ ขณะออกตัว และรักษาการทรงตัวของรถ
โหมดบาฮา – เปลี่ยนเข้าสู่การขับขี่ด้วยความเร็วสูง เต็มสมรรถนะ โดยปรับทุกระบบ ให้พร้อมสำหรับการลุย

ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ยังมาพร้อมระบบควบคุมความเร็วสำหรับการขับขี่ออฟโรด (Trail Control™) ทำหน้าที่เสมือนระบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ สำหรับการขับขี่ออฟโรด ผู้ขับขี่สามารถเลือกความเร็ว (ที่ไม่เกิน 32 กิโลเมตร/ชั่วโมง) รถจะควบคุมการเร่งความเร็ว และการเบรก ผู้ขับขี่ เพียงจดจ่อกับการบังคับควบคุมพวงมาลัย เพื่อฝ่าเส้นทางสุดท้าทายได้ง่ายขึ้น

การออกแบบที่ทรงพลัง
ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ได้รับการออกแบบให้มีรูปลักษณ์ภายนอกดุดัน สมกับสมรรถนะที่ได้รับการยกระดับไปอีกขั้น ทั้งซุ้มล้อที่ใหญ่ขึ้น เพิ่มความกว้างของรถ ไฟหน้าใหม่รูปตัว C อันเป็นดีเอ็นเอของรถกระบะฟอร์ด ตัวอักษร F-O-R-D ขนาดใหญ่ บนกระจังหน้า และกันชน ที่เป็นอิสระจากกระจังหน้า

ไฟหน้าแบบเมทริกซ์ แอลอีดี พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Day-time running lights) แบบแอลอีดี ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่องสว่างขึ้นอีกระดับ โดดเด่นด้วยไฟเลี้ยวแบบไดนามิก ไฟสูงแบบตัดแสง และการปรับระดับแสงแบบอัตโนมัติ เพื่อให้แสงสว่างที่ปลอดภัยต่อผู้ขับขี่ รวมถึงผู้สัญจรที่ขับสวนทาง

ล้ออัลลอยใหม่ขนาด 17 นิ้ว มาพร้อมยางออลเทอร์เรน BFGoodrich® KO2® ให้ความเท่และดุดัน ภายใต้ซุ้มล้อที่สะดุดตา ช่องลมข้างบังโคลน นอกจากความสวยงามแล้ว ยังมีประโยชน์ในด้านอากาศพลศาสตร์ เช่นเดียวกับการออกแบบพื้นผิวทั้งหมด บันไดข้างดีไซน์ใหม่ ทำจากอลูมิเนียมที่แข็งแรง ช่วยเสริมรูปลักษณ์ และฟังก์ชันการใช้งานให้กับรถ ส่วนด้านหลัง ใช้ไฟท้ายแบบแอลอีดี สอดรับกับไฟหน้า กันชนหลังสีเทาเข้ม มีบันไดเหยียบเพื่อขึ้นกระบะท้าย และชุดลากในตัว ที่ติดตั้งในตำแหน่งสูง เพื่อเพิ่มมุมจาก โดยรายละเอียดของอุปกรณ์ จะแตกต่างกันไปในแต่ละตลาด

การออกแบบภายใน ยังคงสื่อถึงพลัง และความดุดันของการเป็นออฟโรดสมรรถนะสูง เช่นเดียวกับการออกแบบตัวถังภายนอก ห้องโดยสารได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยใช้เบาะที่นั่งแบบสปอร์ต ทั้งเบาะหน้าและหลัง ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจ มาจากเครื่องบินรบ มอบทั้งความสบายและกระชับ แม้รถวิ่งด้วยความเร็วบนทางโค้ง

การตกแต่งรายละเอียด ด้วยสีส้ม ‘โค้ด ออเรนจ์’ บนแผงหน้าปัด การตัดขอบชิ้นส่วนหลักๆในห้องโดยสาร รวมถึงบนเบาะที่นั่งแบบสปอร์ต ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น เมื่อเปิดไฟส่องสว่างสีอำพันอบอุ่น ภายในห้องโดยสาร เสริมความหรูหราอีกขั้น ด้วยพวงมาลัยหนังเกรดพรีเมียม จับกระชับมือ พร้อมแถบบอกตำแหน่งองศาพวงมาลัย หรือ On-centre mark และแป้นแพดเดิลชิฟต์ เคลือบแมกนีเซียม

ห้องโดยสารของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ทำงานด้วยระบบดิจิทัลทั้งหมด ด้วยแผงหน้าปัดความชัดเจนสูง ขนาด 12.4 นิ้ว และหน้าจอแบบสัมผัสตรงกลาง ขนาด 12 นิ้ว แสดงผลการเชื่อมต่อ และระบบความบันเทิง ผ่านระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A® รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ที่รองรับระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ระบบเสียง Bang & Olufsen® 8 ตำแหน่ง มอบประสบการณ์เสียงเหนือระดับ ระหว่างการผจญภัยครั้งใหม่

พระเอกหน้าใหม่จากฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์
ต้นกำเนิดของชื่อฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ มาจากทวีปอเมริกาเหนือ โดยวิศวกรฟอร์ด ใช้กับรถกระบะสมรรถนะสูงหลายรุ่น เริ่มจากฟอร์ด F-150 SVT แร็พเตอร์ ในปี 2010 ซึ่งได้รับการยกระดับ ให้มีสมรรถนะในการขับขี่ออฟโรดความเร็วสูง ฟอร์ดให้ความสำคัญ กับการพัฒนาทางด้านวิศวกรรมของระบบช่วงล่าง ยางออลเทอร์เรน และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

ในปี 2018 สมาชิกใหม่ของตระกูลฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ ได้เปิดตัวสู่สาธารณชน ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ทำให้แบรนด์ฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ เป็นที่รู้จักในลูกค้ากลุ่มใหม่ ที่เป็นเจ้าของรถกระบะออฟโรดตัวจริงทั่วโลก ด้วยการนำชื่อของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ออกสู่ตลาดในประเทศต่างๆครั้งแรก

ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ยังสืบทอดดีเอ็นเอของการเป็นยานพาหนะที่รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ด้วยสมรรถนะเหนือชั้น ที่ไม่เคยมีในตลาดรถกระบะขนาดกลางมาก่อน

[yourchannel video=”feesxlKYBXg” show_comments=”1″ autoplay=”1″]

Leave a Reply